นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมวิปรัฐบาลเพื่อหารือกำหนดประเด็นในการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ รวมทั้งกำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายด้วย
และในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) จะมีการหารือร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพื่อจัดสรรเวลาในการอภิปราย กำหนดประเด็นในการอภิปรายซึ่งจะเป็นเรื่องการชุมนุมและหาทางออกร่วมกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร โดยมั่นใจว่าผู้อภิปรายจะทำหน้าที่อยู่ในกรอบข้อบังคับการประชุมและเชื่อว่าทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานการประชุมในวันนั้นจะสามารถควบคุมการประชุมให้อยู่ภายใต้กรอบข้อบังคับการประชุมได้หากมีการประท้วงเกิดขึ้นก็จะหักเวลาของฝ่ายที่ประท้วงไปเรื่อยๆ
ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงการพิจารณาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการว่า วันนี้จะเป็นการประชุมนัดสุดท้ายก่อนสรุปรายงานส่งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาประกอบแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังเปิดประชุมสมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย.63
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ในขั้นตอนการบรรจุระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ โดยเป็นการอภิปรายทั่วไปเพื่อหาทางออกปัญหาการชุมนุมการเมืองนั้น รัฐบาลจะต้องเป็นผู้กำหนดประเด็นในการอภิปราย ตามมาตรา 165 เพราะเป็นผู้เสนอขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบรรจุระเบียบวาระได้ เนื่องจากต้องรอให้มี พ.ร.ฏ.เปิดสมัยการประชุมก่อน ซึ่งกรอบเวลาอยู่ระหว่างวันที่ 26-27 ต.ค.63
โดยวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) จะมีการหารือร่วมกัน 4 ฝ่าย เพื่อกำหนดเวลาให้แต่ละฝ่ายได้อภิปรายอย่างเต็มที่ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ แต่จะต้องอยู่ในประเด็นที่รัฐบาลกำหนดไว้ ส่วนกรอบเวลาจะเพียงพอสำหรับการร่วมหาทางออกของปัญหาหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า จะใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และเคยแจ้งสมาชิกรัฐสภาไปแล้ว ขอให้ช่วยกันเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้ปัญหาทุเลาลง
"ทุกคนต่างห่วงใยบ้านเมือง อย่าไปสร้างอะไรที่ซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง มีสมาชิกบางคนที่ไม่เห็นด้วยในการเปิดวิสามัญเพราะบอกว่าเปิดแล้วไม่มีประโยชน์ อย่างดีก็แค่ด่ากัน ประชาชนก็เบื่อหน่าย จึงได้บอกสมาชิกไปว่าจะต้องไม่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้น ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เปิดสภาเพื่อไม่ไว้วางใจหรือด่ากัน" นายชวน กล่าว
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย คงไม่จำเป็นต้องขอกำลังตำรวจหรือทหารเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรง สภาเปิดกว้างให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาทำกิจกรรมได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง และปราศจากอาวุธ
ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับที่อยู่ระหว่างการศึกษาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ ที่กำลังพิจารณาอยู่นั้น คาดว่าจะไม่ทันการพิจารณาในสมัยนี้ เพราะกรรมาธิการยังไม่ส่งมา