สหรัฐได้ออกมาเตือนปากีสถานว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอาจจะไม่เหมือนเดิม จนกว่าประธานาธิบดีเพอร์เวซ มูชาร์ราฟแห่งปากีสถานจะยกเลิกคำสั่งภาวะฉุกเฉินในประเทศ "เราคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้ความคืบหน้าในการสร้างประชาธิปไตย และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นเหมือนเดิม หากปากีสถานยังไม่ยกเลิกคำสั่งภาวะฉุกเฉิน" นายทอม เคซีย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าว "เราหวังว่าคำสั่งภาวะฉุกเฉินจะถูกยกเลิกโดยเร็ว" เคซีย์กล่าวต่อผู้สื่อข่าว นายเคซีย์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐได้ร่วมงานกับรัฐบาลภายใต้แกนนำของนายมูชาร์ราฟ พันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐในสงครามซึ่งเขายึดอำนาจจากการก่อรัฐประหารเมื่อปี 2542 โดยหวังว่าการรัฐประหารดังกล่าวจะเป็นการฟื้นประชาธิปไตยคืนสู่ปากีสถาน "ผมคิดว่าหากเรามีความคิดเห็นแตกต่างกัน ความสัมพันธ์ของเราก็คงจะไม่เหมือนเดิม" เขากล่าว นอกจากนี้ เคซีย์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐกำลังทบทวนเรื่องความช่วยเหลือด้านกองกำลังทหาร การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐทั้งหมดแก่ปากีสถาน นับตั้งแต่ที่นายมูชาร์ราฟได้ระงับใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมไล่ประธานศาลสูงสุดออกจากตำแหน่ง และจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน "ผมไม่คิดว่าสหรัฐจะจะตัดความช่วยเหลือทั้งหมด" เขากล่าว อย่างไรก็ตาม นายจีออฟ มอร์เรล โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐยังไม่มีแผนระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อปากีสถาน นอกจากนี้ ดร.คอนโดลิสซา ไรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเยรูซาเล็มเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะต้องทบทวนเรื่องการให้ความช่วยเหลืออีกครั้ง แม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม ธอมสันไฟแนนเชียลรายงาน