ก้าวไกล ขอเสียงโหวตหนุนกฎหมายสุราก้าวหน้าแฉรัฐบาลจ้องคว่ำป้องนายทุน

ข่าวการเมือง Monday October 31, 2022 16:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือกฎหมายสุราก้าวหน้า ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 2 พ.ย.65 ว่า รู้สึกแปลกใจที่มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อ้างข้อกังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะแล้วขอให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันออกเสียงคว่ำกฎหมายฉบับนี้

"น่าแปลกใจ สิ่งที่เถื่อนไมใช่เหล้า แต่คือกฎหมาย ใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รังแกผู้ประกอบการ การที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกันเพื่อทำให้เกิดการผูกขาดของอุตสาหกรรมสุรา กดทับตลาดของคนธรรมดาทั่วไปต่างหาก" นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพพรรค กก. กล่าวว่า ขอส่งสาส์นถึง ส.ส.ต่างพรรค เรื่องนี้เป็นชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์อยู่ นี่คือโอกาสในการทำผลงาน เพิ่มการส่งออกสินค้าสุราไทย เพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรได้ ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุขอยู่ การมีผู้ประกอบการสุราระดับโลกอยู่ทั่วทั้งประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ยังทำให้เกิดเม็ดเงินภาษีมาช่วยเหลืองบด้านสาธารณสุขสำหรับการดูแลปัญหาสุขภาวะจากสุราเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย

และขอส่งสาสน์ถึง ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย (พท.) จำได้ดีว่าในเดือน ก.ย.45 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยจัดมหกรรมสุราไทยและโอท็อป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารที่ส่งต่อกระบวนการปลดล็อกสุราไทยให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและตัวเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์นี้ของอดีตนายกฯ ทักษิณต่อไปให้เกิดผลสำเร็จในการโหวตวันที่ 2 พ.ย.นี้

ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. กล่าวว่า นี่คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต แต่รวมถึงคนทำงานในบาร์ คนทำงานในระบบโลจิสติกส์ เกษตรกร ธุรกิจสุรามีซัพพลายเชน นำไปสู่การจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล การที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะพยายามแทรกแซงให้เกิดการล้มกฎหมายฉบับนี้ ขอเตือนอีกครั้งว่าจะเป็นการนำไปสู่การขีดเส้นความขัดแย้งใหม่ในสังคม เป็นการประกาศสงครามระหว่างคน 99% กับคน 1%

จากที่ได้ยินมา มีความพยายามในกรมสรรพสามิตที่จะออกร่างกฎกระทรวงมา เพื่อให้ ส.ส.หลายคนใช้เป็นเหตุผลอ้างเพื่อไม่ยกมือผ่านให้ ซึ่งสุดท้ายการออกกฎกระทรวงเป็นแค่การตบตา เตะถ่วงยื้อ เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่เหตุผล เช่น บังคับให้ต้องทำ EIA ซึ่งมีราคาหลักล้านถึงสิบล้านบาท เป็นต้นทุนสูงมากสำหรับโรงงานขนาดเล็ก เป็นการทลายกำแพงหนึ่งเพื่อสร้างอีกกำแพงหนึ่งขึ้นมาแทนเท่านั้น

"วันที่ 2 พ.ย.นี้จะเป็นวันพิสูจน์ว่าประเทศเป็นของเราจริงๆ หรือเป็นของคนแค่ 1% ต้องขอขอบคุณ ส.ส.ต่างพรรคที่ร่วมผลักดันกันมา วันพุธนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่สภาจะได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนได้ร่วมกันกดดันไปยัง ส.ส.ของตัวเอง ให้พวกเขาโหวตเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อคน 1% ของประเทศนี้" นายเท่าพิภพ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ