พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 และบรรยายหัวข้อวิชา "บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ" โดยในตอนหนึ่ง นายกรัฐมนตรีระบุว่า ในอดีตผู้เข้ารับการศึกษา จะให้ความสำคัญกับการป้องกันความมั่นคงเป็นหลัก แต่วันนี้ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากมายในหลายมิติ มีความยึดโยงเชื่อมกัน และท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง มีหลายอย่างที่เกิดขึ้น ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของผู้รับการศึกษาในหลักสูตรนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยน นอกจากเป็นการป้องกันและรักษาความสงบแห่งชาติ จะต้องร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ธุรกิจ ซึ่งต่างมีความสัมพันธ์กันโดยตรงและโดยอ้อม
ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมาจะประสบปัญหาจากสถานการณ์โลก ทั้งโรคระบาด ภัยพิบัติ สถานการณ์ความรุนแรง ทำให้ไทยขาดโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาตนเอง แต่อย่าลืมว่าในวิกฤติยังมีโอกาส ดังนั้นโอกาสก็จะเกิดขึ้นจากที่ทุกคนจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาทั้งในประเทศ และภูมิภาคของโลกด้วย
"ความร่วมมือทุกภาคส่วนถือเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับความเข้มแข็งของภาครัฐ และเอกชน ในการจะดูแลช่วยเหลือเยียวยา แก้ปัญหาประชาชนให้ได้ โดยพยายามขับเคลื่อนแผนงานโครงการต่างๆ ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ปัจจุบันแม้สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายลงแล้ว จึงเป็นเวลาที่ทุกคนจะกลับมาให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ จากโครงการต่างๆ ที่ชะลอไว้ ประกอบกับที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ถือเป็นโอกาสอันดี ที่รัฐบาลจะแสดงให้ต่างชาติได้เห็นศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อน และพัฒนา ให้บรรลุตามเจตนารมย์ยุทธศาสตร์ชาติได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์ชาตินั้น อย่ากลัวว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 20 ปี ดังนั้นจึงอยากให้ศึกษารายละเอียด ทำความเข้าใจ เพราะมีการวางแผนทุกช่วงเวลา 5 ปี ต่างประเทศก็ทำเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืนได้ เป็นการวางแผนไว้ เพราะบางรัฐบาลมีการทำงานที่สั้น ผลงานจึงไม่ปรากฎออกมา
"ปัจจุบันยุทธศาสตร์ชาติ ได้เข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว ในระหว่างทางนี้ สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตามสถานการณ์ หลายคนมองว่าวางไว้นาน เพื่ออยู่ในอำนาจนานหรือไม่ ยืนยันว่าส่วนตัวไม่เคยคิดเช่นนั้น แต่การพัฒนาที่วางไว้ก็ต้องสานต่อ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม ดังนั้นรัฐบาลนี้ ยืนยันว่าโครงการสำคัญจะทำให้สำเร็จด้วยความต่อเนื่อง ดูจากผลงาน 8 ปี ที่ผ่านมา มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ยังต่อเนื่อง และจะต่อเนื่องไปยังรัฐบาลใหม่ที่จะมา เพื่อมาสานต่อตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า บทบาทของภาครัฐ มีหน้าที่หลักในการรักษาอธิปไตย รักษาความเรียบร้อยของประเทศ กำหนดเป้าหมายพัฒนาประเทศ ทั้ง 3 ระดับ ในปัจจุบัน คือ การวางโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีหลักประกันทางสังคม มีสวัสดิการให้เพียงพอ โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ที่ต้องดูเงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบ สุจริตโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มปริมาณรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น
ส่วนวันนี้ สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย มีความอยู่รอด ลดความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือนแบบพุ่งเป้า ต้องให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสได้อย่างเท่าเทียม หลายคนมองว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ แต่สิ่งที่ตนต้องการคือการพุ่งเป้าลงไปในการแก้ไขปัญหา แต่ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะนำไปใช้อย่างไร
"ผมจะทำทุกอย่างให้โปร่งใส และเป็นธรรมที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการปรับแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมถึงปรับปรุงกฎหมายหลายตัวที่มีมายาวนาน เพราะปัจจุบันกฎหมายบางอย่าง ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมย้ำว่า ยอมรับความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต แต่หากพูดไม่มีความจริง ก็มีความจำเป็นต้องชี้แจง แต่ตนไม่อยากไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น และอยากฟังเสียงประชาชนมากกว่า
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนว่า ตนและรัฐบาลได้คิดออกมา ถึงได้มีคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมา ไปดูการเข้าถึงที่ดินและการทับซ้อนของที่ดินของภาครัฐที่มีมากพอสมควร
"วันนี้ที่ดินของประเทศไทยอาจจะลดลงก็ได้ เพราะซ้ำซ้อนกัน แต่ก็เพียงพอ เพราะก็มีคนอยากไปอยู่ต่างประเทศเยอะพอสมควร ที่ดินก็น่าจะพอ พูดไปเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกว่าผมชอบพูดหาเรื่อง แต่ผมไม่อยากไปตอบโต้ เพราะประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นคนช่างคิด คิดไปเรื่อย แต่ถ้าเราหยุดคิด ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย หรือคิดเฉพาะความขัดแย้ง คิดว่าจะไปสู้เขาอย่างไร ซึ่งถือว่าไม่เป็นประโยชน์ คนไทยเข้มแข็ง แข็งแรงอยู่แล้ว แต่ยังแตกแยกกันอยู่ ปัญหาคือความรักสามัคคีของคนในชาติ อย่าเอาตน มาเป็นตัวกำหนดว่า ใครจะรักหรือไม่รักตน แต่ก็ขอบคุณคนที่รักกัน วันนี้มีความสุข ก็อาจจะพูดจาไม่เป็นทางการอยู่บ้าง