เลือกตั้ง'66: "เรืองไกร" ร้องกกต.สอบ "พิธา" ปมถือหุ้นสื่อ ส่อขาดคุณสมบัติ

ข่าวการเมือง Wednesday May 10, 2023 12:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบหลังพบข้อมูลที่น่าเชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นใน บมจ. ไอทีวี (ITV) จำนวน 42,000 หุ้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

"เรื่องนี้อยากให้ กกต.ดำเนินการโดยเร็ว เพราะผลที่ออกมาก่อนและหลังเลือกตั้งจะแตกต่างกัน ถ้าทำเสร็จหลังการเลือกตั้งต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะเหมือนกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นวีลัค มีเดีย จะทำให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ...แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความผิดเฉพาะตัว แต่ถ้าศาลตัดสินเรื่องใหญ่มาก และยังมีข้อกฎหมายอีกส่วนหนึ่ง แต่ขอรอให้ศาลตัดสินก่อน แต่บอกได้ว่าจะมีผลกระทบมหาศาล" นายเรืองไกร กล่าว

ส่วนที่มีการมองว่าตนยื่นเรื่องนี้เพื่อสกัดนายพิธานั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว และไม่กังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

นอกจากนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ไปยื่นคำร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบว่านายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่ หลังจากนายพิธา อ้างว่าได้หารือและชี้แจงกับ ป.ป.ช.แล้ว โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า เป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส. สิ่งที่นายพิธาอ้างน่าจะเป็นเรื่องการถือครองหุ้นและแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยได้ไปตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายพิธาระหว่างดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็ไม่พบว่ามีการแจ้งหุ้นดังกล่าวต่อ ป.ป.ช.

ขณะที่นายพิธา โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงกรณีมีการกล่าวหาว่าถือหุ้น ITV ทำให้มีคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลมาแรงที่สุด ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกสกัด แต่ขอให้ผู้สมัคร ทีมงาน หัวคะแนนธรรมชาติ และประชาชนผู้สนับสนุนทุกคน อย่าหวั่นไหว อย่าเสียสมาธิกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอให้ทุกคนมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางก้าวไกลได้อีก

อย่างไรก็ตาม ไม่มีความกังวล เพราะไม่ใช่หุ้นของตน แต่เป็นของกองมรดก ตนมีฐานะเป็นเพียงผู้จัดการมรดก และได้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปนานแล้ว และทีมกฎหมายของพรรคพร้อมชี้แจงอยู่แล้วเมื่อ กกต. ส่งคำร้องมา

"เรื่องนี้ อยากฝากให้ทุกคนตั้งใจดูให้ดี เพราะอาจมีเจตนาสกัดพรรคก้าวไกล เพราะเรากำลังทลายทุนผูกขาด ในประเทศนี้" นายพิธา ระบุ
*จี้กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกกต. จะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอื่น เพราะการที่นายพิธา ถือหุ้นสื่อ ITV 42,000 หุ้น โดยจะอ้างเรื่องการเป็นผู้จัดการมรดกตั้งแต่บิดาเสีย เมื่อปี 2549 ผ่านมา 17 ปียังไม่ได้แบ่งมรดกไม่ได้

  • การเป็นเจ้าของหุ้น เริ่มตั้งแต่เจ้ามรดกเสียขีวิต หุ้นนั้นตกเป็นของทายาททันทีที่เจ้ามรดกเสียชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ดังนั้น การที่นายพิธา อ้างว่า "ไม่ใช่หุ้นของตน เป็นกองมรดก ตนเพียงมีฐานะผู้จัดการมรดก" นั้นจึงไม่ถูกต้อง

(1) นายพิธา คือหนึ่งในทายาทโดยธรรม หุ้นนั้นตกเป็นของนายพิธาและทายาทอื่นด้วยทันทีที่บิดาเสียชีวิต

(2) นายพิธา แสดงตนรับโอนหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิได้รับมรดกแล้ว การเป็นเจ้าของหุ้นในส่วนของนายพิธา จึงสมบูรณ์แล้ว

  • บริษัท ITV แจ้งว่า ยังประกอบกิจการอยู่และมีรายงานแสดงผลของกิจการไม่ว่า จะขาดทุนหรือกำไรก็ตาม ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยเป็นอื่นได้ว่า นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้น ITV ที่เป็นสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นบริษัท วีลัคมีเดีย จำกัด ทำให้ขาดคุณสมบัติและถูกตัดสิทธิทางการเมือง

การอ้างว่า ถือหุ้นข้างน้อยไม่อาจครอบงำกิจการได้ และจะต่อสู้ในเรื่องการขัดกันระหว่างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในอดีตกับคำวินิจฉัยศาลฎีกาปัจจุบันในคดีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต่อสู้ได้ ส่วนที่ศาลจะเห็นชอบด้วยและวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ด้วยหรือไม่ เป็นกรณีที่ต้องไปต่อสู้กัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ