นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ขยายเวลาให้พรรคก้าวไกลแก้ข้อกล่าวหาในคดีล้มล้างการปกครองว่า คดีนี้มีความร้ายแรงมากกว่าคดีก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุติการหาเสียงการแก้ไข มาตรา 112 เพราะเป็นการสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นศาลควรเปิดโอกาสให้มีระยะเวลาและโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
พรรคก้าวไกล มีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลามากที่จะแสวงหาข้อเท็จจริง และแง่มุมของกฎหมาย รวมถึงการประสานงานกับพยานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะต่อสู้คดี เสนอให้ศาลไต่สวนข้อเท็จจริงมากกว่าคดีที่สั่งให้ยุติการกระทำ โดยเงื่อนไขสภาพความเป็นจริง จึงไม่ควรจะได้เวลาน้อยกว่าคดีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ระยะเวลาที่ขยายให้นั้น ยอมรับว่าอาจจะไม่เพียงพอ และอาจจะต้องขอขยายเวลาเพิ่มเติมอีก แต่ในระหว่าง 15 วันนี้ ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเพิ่งประชุม สส.พรรค และมีการอัพเดตความคืบหน้า รวมถึงแนวทางในการต่อสู้คดี ซึ่ง สส.ของพรรคไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้มีการพูดคุยกันในพรรคมาหลายรอบแล้ว
ส่วนจะแก้ข้อกล่าวหาอย่างไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียด แต่ยืนยันว่าในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไปแล้วตามมาตรา 49 จะพิจารณาเห็นว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ศาลก็วินิจฉัยให้ยุติการกระทำ
"เมื่อพิจารณาเรื่องยุบพรรค ตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เราเห็นว่าไม่สามารถพิจารณาแบบยุติข้อเท็จจริงได้เลยตามอัตโนมัติ เมื่อมาตรา 49 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 ตามพ.ร บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ก็ต้องผิดไปด้วย และยุบพรรคโดยอัตโนมัติ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายต่างกัน ความร้ายแรงของโทษต่างกัน ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างถึงที่สุด" นายชัยธวัช กล่าวพร้อมระบุว่า เมื่อศาลเห็นว่ากระทำผิด ในส่วนนี้คือรายละเอียดที่ต้องต่อสู้ ในคำวินิจฉัยที่ให้ยุติการกระทำ กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงหลายอย่างยังไม่ถึงที่สุด แต่เป็นความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าพรรคก้าวไกลกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ และเป็นการมัดรวมองค์ประกอบหลายอย่างมารวมกัน โดยที่ไม่ใช่การกระทำของพรรคก้าวไกล แล้วบอกว่าเป็นการกระทำอย่างเป็นขบวนการต่อเนื่องกัน คดีนั้นศาลมองแบบนี้ แต่เป็นเพียงแค่การสั่งให้ยุติการกระทำ แต่หากเป็นคดียุบพรรคการเมือง ต้องมีการไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่อย่างถึงที่สุด และต้องเฉพาะเจาะจง ส่วนที่เป็นการกระทำของพรรคเท่านั้น