พรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งเป้าปราบปรามการทุจริตอย่างเต็มที่ในปีนี้ เพื่อที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในสังคม ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็หนีไม่พ้นจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยจะมีการจัดตั้งระบบการต่อต้านการทุจริตขึ้น เพื่อลงโทษผู้กระทำผิด และสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลและการสร้างเสถียรภาพในสังคม ตลอดจนพัฒนาประเทศ
การกวาดล้างการทจุริตของจีนจะพุ่งเป้าไปที่คดีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานและอาหาร การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การใช้ประโยชน์จากที่ดิน ราคาน้ำมัน การใช้กองทุนพิเศษรัฐบาล
การที่จีนได้ประกาศนโยบายดังกล่าวเนื่องมาจากปีนี้ จีนอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศหลังจากที่อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้นตามผลกระทบของวิกฤตการเงินโลก โดยเศรษฐกิจจีนเมื่อไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 9% ซึ่งถือเป็นสถิติการขยายตัวที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2546 นับเป็นปัจจัยที่คุกคามการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดมั่นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับรัฐบาลที่บริหารประเทศภายใต้พรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว
Carnegie Endowment for International Peace ระบุว่า เมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศเพิ่มมาตรการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของบริษัทรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดสินบน ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญในการรักษาความนิยมและการอยู่รอดของพรรคไว้ เพราะยอดการทุจริตที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนนั้นสูงถึง 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
จีนได้ลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารที่มีส่วนพัวพันกับการทุจริต รับสินบน และการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆไปแล้ว 4,960 คนในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนพ.ย. 2551 โดยมีเจ้าหน้าที่จำนวน 801 คนที่ถูกดำเนินคดี บลูมเบิร์กรายงาน