นายกรัฐมนตรี เผยจัดเตรียมแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไว้อย่างเป็นขั้นตอน หากช่วงกลางปี 52 ไม่เห็นผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจนจากการใช้งบกลางปี 51 กระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนกว่า 1 แสนล้านบาท รัฐบาลอาจพิจารณาเรื่องการกู้เงินจากต่างประเทศ
"(เงินแสนล้านบาท)จะเพียงพอหรือไม่ที่จะหยุดยั้งสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดลงไปจะเห็นชัดเจนได้ประมาณช่วงกลางปี(52)...อาจจะเป็น 3 เดือนแรกของครึ่งปีหลัง ถ้าจำเป็นจะดูเรื่องเงินกู้จากต่างประเทศว่าจะมาช่วยเสริมได้หรือไม่" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นบีที เช้านี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดเตรียมแผนงานที่จะนำออกมาใช้อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้สามารถรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ด้านต่างๆ ได้ และเลือกใช้มาตรการที่จะครอบคลุมไปยังประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะรัฐบาลไม่สามารถทุ่มงบประมาณลงไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากงบประมาณที่มีอยู่มีจำนวนจำกัด
"พยายามดูบางเรื่องมีเหตุมีผลหรือว่าเราตกหล่นไป เราก็จะมาปรับปรุงแก้ไข รัฐบาลมีความรับผิดชอบที่จะดูแลให้มาตรการเหล่านี้ประสบความสำเร็จจริงๆ และเป็นความมุ่งหมายของผมที่จะพาประเทศฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปให้ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามดูแลการใช้จ่ายไม่ให้กระทบกระเทือนเรื่องวินัยการเงินการคลัง ส่วนการกู้เงินจากต่างประเทศจะพิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานการณ์อีกครั้ง
"มีแหล่งเงินที่เรายังไม่ได้ใช้ ถ้าจำเป็นก็จะใช้คือเงินกู้ของต่างประเทศ อันนี้ก็เตรียมการเอาไว้ แต่จะใช้หรือไม่ก็จะดูความเหมาะสม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องการส่งออกและการลงทุน แต่เห็นว่างานสำคัญเรื่องแรกที่จะต้องเร่งทำคือการรักษากำลังซื้อภายในประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนสำคัญที่สุดของจีดีพี เพื่อไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศติดลบต่อเนื่องไปอีก หลังจากที่เกิดขึ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 51 ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาเลยอาจส่งผลให้เศรษฐกิจติดลบต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปีนี้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเองยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และต้องการเข้ามาทำงานให้ตอบสนองความหวังของประชาชนที่ตั้งไว้ให้เสร็จภายใน 1 ปี โดยจะพยายามทำงานโดยทุ่มเทเต็มกำลังสติปัญญาและกำลังกายที่มีอยู่ ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหากจะคัดค้านต่อต้านก็สามารถทำได้ตามสิทธิ์ตามขอบเขตของกฎหมาย