นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เผยผลหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำ 3 ประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ โดยไทยและประเทศเพื่อนบ้านยินดีที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ความร่วมมือกับพม่าในการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญาหลบหนีเข้าประเทศผิดกฎหมาย ร่วมมือกับกัมพูชาในการแก้ปัญหาเขตแดน และร่วมมือกับมาเลเซียในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
โดยปัญหาชาวโรฮิงญาหลบหนีเข้าประเทศผิดกฎหมายนั้น ไทยและพม่าเห็นตรงกันว่าจะต้องยกระดับการแก้ไขปัญหาให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ระบุว่าจะหยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมกระบวนการบาหลีช่วงกลางเดือน เม.ย.นี้
"เห็นตรงกันว่าเป็นปัญหาที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขในระดับภูมิภาค และเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ปัจจุบันยังเหลือชาวโรฮิงญาที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยอีก 78 คน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการส่งกลับไปยังประเทศต้นทางต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้นำพม่ายังเห็นด้วยที่จะมีการต่ออายุคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย-พม่า TCG ออกไปอีก รวมทั้งการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในพม่า ซึ่งคงต้องอาศัยบทบาทของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติจะช่วยให้มีการพัฒนาเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันที่จะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการร่วมชายแดน, ความร่วมมือในการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในทะเล และความร่วมมือในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวภายใต้โครงการสามเหลี่ยมมรกต
สำหรับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น ผู้นำมาเลเซียยินดีที่จะสนับสนุนการพัฒนาด้านการศึกษา การลงทุน และเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ตนเองจะได้สอบถามประเด็นที่ผู้นำประเทศต่างๆ มีความห่วงใย และต้องการฝากให้ตนเองในฐานะเป็นประธานอาเซียนนำไปเสนอต่อที่ประชุมจี 20 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความร่วมมือของภูมิภาคต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองจะเดินทางไปเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนให้ครบทุกประเทศภายในกลางปีนี้ โดยขณะนี้ยังไม่สะดวกที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะติดภารกิจต้องร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ