"นายกฯ"ชี้แจงไม่เกี่ยวข้องเงินบริจาคพรรค-ไม่เคยแทรกแซงองค์กรอิสระ

ข่าวการเมือง Thursday March 19, 2009 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับเงินบริจาคราว 260 ล้านบาท โดยยืนยันว่าช่วงปี 47-48 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคของพรรคตามที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีบริษัทมหาชนให้เงินกับพรรค เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวตนเองดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่เกี่ยวกับเงินของพรรค

และขณะนี้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระเพื่อให้คุณหรือโทษกับบริษัทมหาชนดังกล่าว

"ช่วงปี 47 ถึงเลือกตั้ง 6 ก.พ.48 ผมได้รับผิดชอบในฐานะรองหัวหน้าพรรค ซึ่งขณะนั้นผมไม่ได้ไปจัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน และที่กล่าวหาว่าไปสมรู้ร่วมคิด พบปะกับบุคคลนั้นบุคคลนี้...ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย และขณะนี้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระใดๆ ทั้งสิ้น" นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นชี้แจง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า หลังจากพรรค ปชป.มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่และตนเองได้รับตำแหน่งเมื่อ มี.ค.48 ได้มีการรายงานถึงเงินบริจาคเข้าพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทุกเดือน และกระบวนการดำเนินการในการรับรองงบดุล เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน ซึ่งมีผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบงบการเงินของพรรค และเสนอให้เหรัญญิกพรรค คือนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ พิจารณษ จากนั้นส่งเรื่องมาให้หัวหน้าพรรคลงนามในงบดุล

และเมื่อมีการส่งให้ กกต.ตรวจสอบ พบว่าไม่มีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม นำมาอภิปราย โดยถือว่าได้รายงานเงินบริจาคและรับรองงบดุลอย่างถูกต้องทุกประการ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า ไม่ได้รู้สึกดีใจกับการที่รัฐบาลกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นได้ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอ้าง โดยระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นได้มีการเจรจาขอกู้เงินเพื่อนำใช้ลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง และขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการกู้เงินเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำในขณะนี้ เพราะดีกว่าการขึ้นภาษี หรือการขายสมบัติของชาติ แดยในส่วนของการขยายฐานการจัดเก็บภาษีหรือปรับขึ้นอัตราภาษีนั้นได้มีการมอบนโยบายอย่างชัดเจนแล้วว่าจะต้องเก็บภาษี เหล้า เบียร์ เป็นอันดับแรก ไม่ได้มุ่งเน้นถึงการเก็บภาษีมรดก ตามที่ถูกท้าทาย

"ตั้งแต่รัฐบาลมา มีการตั้งงบขาดดุล และกู้เงินเพื่อประคองเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว และไม่ใช่เรื่องน่าดีใจที่ต้องกู้เงิน แต่เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตามความจำเป็น เราต้องการใช้เงินเพื่อประคองไม่ให้มีคนตกงาน ขณะที่รายได้ภาษีลดลง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึง กรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ถูกกล่าวว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล ไม่มีความเหมาะสมรับตำแหน่ง โดบเห็นว่าหากมีผู้ใดจะร้องเรียนว่า นายกษิต เป็นผู้ก่อการร้ายสากล ควรจะมีการร้องเรียนตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะรับตำแหน่งแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมปิดล้อมสนามบิน เกิดขึ้นช่วง พ.ย.-ธ.ค.51 และมีการแจ้งดำเนินคดีหลายคดี แต่ไม่มีการพาดพิงถึงนายกษิต แต่กลับพบว่ามีการแจ้งดำเนินคดีหลังจากนายกษิตได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่บ่งบอกวัตถุประสงค์ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ