เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจเอแบคเรียลไทม์โพลล์(Real-Time Survey) เรื่องสาธารณชนคิดอย่างไรต่อการชุมนุมประท้วงของประชาชนต่อต้านรัฐบาล:กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 18 จังหวัด 2,178 ครัวเรือนเมื่อ 10 เม.ย. พบว่าประชาชน 51.9% รู้สึกพอใจคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีที่ออกโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในคืนที่ผ่านมา ขณะที่ 18.1% ระบุว่าไม่พอใจ แต่ที่เหลือ 30% ไม่ได้ติดตามดู
ส่วนความคิดเห็นต่อการชุมนุมประท้วงรัฐบาลด้วยการปิดถนนว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตยหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 63.1% เห็นว่าไม่ปกติธรรมดา ในขณะที่ 36.9% เห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมประชาธิปไตย
ด้านความพอใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ พบว่าส่วนใหญ่ 76.1% พอใจ เพราะไม่มีการใช้ความรุนแรง ใช้การเจรจา ไม่ทำร้ายประชาชน ขณะที่ 23.9% ไม่พอใจ เพราะไม่เด็ดขาด ทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่มีตำรวจดูแลความปลอดภัยเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนส่วนใหญ่ 88.4% เห็นว่าการชุมนุมประท้วงที่พัทยาขณะที่มีการประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียนและคู่ค้า มีผลกระทบสร้างความเสียหายต่อประเทศ แต่ 11.6% เห็นว่าไม่กระทบ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนจำนวนก่ำกึ่งกันคือ 50.8% ตัดสินใจเลือกความอยู่รอดของตนเองและครอบครัวมากกว่าภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ในขณะที่ 49.2% จะตัดสินใจเลือกภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบด้วยว่าคนส่วนใหญ่ 74.3% เห็นว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ทำให้ความสุขของคนไทยช่วงสงกรานต์ลดน้อยลง ในขณะที่ 25.7% เห็นว่าไม่กระทบ และเมื่อถามถึงความต้องการทราบข่าวอะไรมากกว่ากันระหว่างข่าวคนไทยในเทศกาลสงกรานต์ กับข่าวคนไทยที่เคลื่อนไหวทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่ 56.2% อยากดูข่าวคนไทยในเทศกาลสงกรานต์มากกว่า ขณะที่ 27.3% อยากดูข่าวคนไทยที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่า และ 16.5% อยากดูทั้งสองเรื่อง
ประเด็นสำคัญสุดท้ายคือ เมื่อถามถึงทางออกในการแก้ปัญหากลุ่มผู้ชุมนุม พบว่า ส่วนใหญ่เห็นว่าการเจรจากันด้วยสันติและเลิกการชุมนุมกันไปเป็นทางออก รองลงมาให้บังคับใช้กฎหมายดำเนินการให้จบโดยเร็วใครผิดว่าไปตามผิด ให้ยุติการชุมนุมให้รัฐบาลทำงานต่อไปก่อน ให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และมีเพียง 4.9% เท่านั้นที่อยากให้มีการยึดอำนาจ
ทั้งนี้ นายนพดล กรรณิการ์ ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ชัดว่าทางออกของสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่ว่าประชาชนที่ถูกศึกษาอยู่สีใดหรือกลุ่มใดส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเจรจากันด้วยสันติและเลิกชุมนุมกันไป เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องการความสงบสุข และต้องการให้กฎหมายเป็นกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนมายังประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับทราบและต้องรักษาความดีงามเหล่านี้ไว้เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติและของประชาชนแต่ละคน
และหากสถานการณ์ครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ รัฐบาลและผู้ใหญ่ในสังคมต้องเร่งศึกษาทำให้คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศมองว่าความอยู่รอดของประเทศชาติคือความอยู่รอดของประชาชนแต่ละคนโดยมุ่งเน้นไปที่ ความเป็นธรรมในสังคม บรรยากาศทางการเมือง และปัญหาปากท้องของประชาชนและควรมุ่งเน้นที่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก