นายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ ของอินเดีย เตรียมเดินหน้าบริหารประเทศต่ออีกเป็นสมัยที่ 2 พร้อมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในวันนี้ หลังจากที่พรรคคองเกรสซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปได้สำเร็จ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองที่เป็นอุปสรรคกีดขวางการขยายตัวางเศรษฐกิจของประเทศ และอาจช่วยให้ชาวอินเดียหลายร้อยล้านคนหลุดพ้นจากปัญหาความยากจนได้
โดยในวันนี้ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นร้อนแรงกว่า 10% ส่งผลให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อินเดียมีคำสั่งระงับการซื้อขายชั่วคราว ขณะเดียวกันสกุลเงินรูปีก็ทะยานแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ถึง 2.2%
ความมีเสถียรภาพทางการเมืองจะทำให้อินเดียกลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น ขณะที่ซิงห์ นายกรัฐมนตรีวัย 76 ปีกำลังหาเงินทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งเขายังเร่งหาทางทำข้อตกลงความร่วมมือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐในการต่อสู้กับกลุ่มกองกำลังในปากีสถานและอัฟกานิสถาน
"ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลดีต่ออินเดียและทั่วโลก" ประธานบริษัท Bajaj Auto Ltd ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่อันดับสองของอินเดียกล่าว โดยชี้ว่าผลงานของซิงห์ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคลังนั้นได้ทำให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียพุ่งขึ้นกว่า 4 เท่านับตั้งแต่ปี 2534 โดยเขาเป็นผู้นำการใช้มาตรการเปิดตลาดเสรี และเปิดทางให้บริษัทต่างชาติรายใหญ่เช่นฟอร์ด มอเตอร์ โค ตั้งฐานการผลิตในอินเดีย นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาอินเดียยังมียอดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศราว 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหนึ่งใน 5 ของเม็ดเงินดังกล่าวมาจากประเทศจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พรรคคองเกรสและพรรคร่วมรัฐบาลอินเดียคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปโดยสามารถกวาดที่นั่งในสภาไปได้ 260 ที่นั่งจากทั้งหมด 541 ที่นั่ง ซึ่งมีจำนวนมากกว่าพรรคบีเจพีซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอินเดียเกือบ 2 เท่า