“เรืองไกร"เตรียมขอข้อมูลกรณียึดทรัพย์ฯ มาติดตามรายได้รัฐคืนภายใน 1 ปี

ข่าวการเมือง Tuesday March 2, 2010 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน กล่าวถึงการดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ความจริงการดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีมาก่อนที่จะตัดสินยึดทรัพย์ไม่ว่าจะเป็น กรณีกล้ายาง หวยบนดิน ซีทีเอ็กซ์ และที่ดินรัชดา เพียงแต่ว่าคดีร่ำรวยผิดปกติมาขมวดรวมครั้งเดียว

ดังนั้น จึงต้องย้อนกลับไปดูคดีที่เคยทำมา โดยเฉพาะที่ศาลระบุว่าเป็นการเอื้อประโยชน์มาตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง จะมีผลกระทบอย่างไรตามมา และในฐานะกรรมาธิการก็จำเป็นจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอเอกสารจากศาลว่ามีคำวินิจฉัยรวมอย่างไร เพื่อนำมาติดตามรายได้ ค่าใช้จ่ายและทรัพย์สินของแผ่นดินที่ขาดหายไป ซึ่งเท่าที่หารือกับเจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีระยะเวลาเหลือประมาณ 1 ปี ซึ่งจะต้องเร่งติดตาม

ส่วนนโยบาย 5 ข้อของพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีความผิดและทำให้ถูกขยายผลในการดำเนินการต่อหรือไม่นั้น เราคงจะขยายผลจาก 5 ข้อเป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีมากกว่านั้นถ้ามีข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น การสร้างยอดจากเลขหมายระบบรายได้ (โพสต์เพด) เราก็จะไปดูว่าหน่วยงานของรัฐเสียหายอย่างไร รวมทั้งกรณี บมจ.ไทยคม (THCOM) บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ต้องไปดูหมด ซึ่งยืนยันว่าตนทำหน้าที่ตามแนวคำพิพากษาต่อไป ส่วนแนวคำพิพากษาจะไปกระทบรัฐมนตรีคนอื่นที่ร่วมรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในช่วงนั้น ใครลงมติอย่างไร ใครเบิกเบี้ยประชุมอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯไปติดตามตรวจสอบ

นายเรืองไกร กล่าวว่า การวินิจฉัยของศาลจะมีผลทางคดีอาญาด้วยหรือไม่ น่าจะมีส่วนแต่เป็นหน่วยงานทางด้านการดำเนินคดีเช่น ป.ป.ช. แต่ในส่วนของตนเองเป็นประธานอนุรายได้ ค่าใช้จ่ายและทรัพย์ของรัฐก็จะดูในส่วนนี้ ส่วนจะสามารถเรียกทรัพย์สินคืนได้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับเอกสารข้อมูลที่จะได้มาว่าผลกระทบเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ต้องขอดูงบประมาณองค์การโทรศัพท์ และของกสท.ว่าที่ตรวจสอบและบันทึกกันมารายได้ที่ขาดหายไปจะทำอย่างไร ที่เคยรายงานต่อสภา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ