"นิพิฏฐ์"เรียกร้องปชป.ให้ความสำคัญคดียุบพรรค มองส่งผลต่อเสียงรบ.

ข่าวการเมือง Thursday April 22, 2010 12:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ประธานทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังจัดลำดับความสำคัญของปัญหาไม่ถูกว่าอันไหนเป็นปัญหาเร่งด่วน อันไหนเป็นปัญหารอง ซึ่งมองว่าปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือปัญหาการยุบพรรค เพราะสมมติหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์จริง ใน 6-7 เดือนข้างหน้า ก็จะทำให้มีส.ส.หายไปจากพรรค 30 กว่าคนที่ถูกตัดสิทธิ แล้วรัฐบาลก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยทันที เมื่อรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นชัดเจนว่าหากยุบพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้

ต่อข้อถามว่ากำลังเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ หันมาสนใจเรื่องยุบพรรคมากกว่าเรื่องอื่น ๆ หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนเพียงแต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญว่าความสำคัญสูงสุด คืออะไร ถ้าพรรคยุบ กรรมการบริหารพรรค 49 คนจะหายไป และถ้ายุบทั้ง 2 ชุดทั้งชุดใหม่และชุดเก่าก็จะมีเกือบ 50 คนที่ต้องหายไป

ส่วนที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะมีแค่คนที่เกี่ยวข้อง 1-2 คนนั้น เป็นการวิเคราะห์เบื้องต้น เพราะเวลาตนทำคดีก็วิเคราะห์โดยตั้ง สมมติฐานไว้ก่อนว่าเราแพ้คดีทุกครั้ง จะได้เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับคณะทำงานให้ทำงานหนักขึ้น

"ที่ผมสู้คดีวันนี้ ผมตั้งอยู่บนสมมติฐานเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ อาจแพ้คดี ขอเปรียบเทียบว่า หากบ้านหลังหนึ่งคือพรรคประชาธิปัตย์ มีคนส่วนหนึ่งที่เป็นคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศ เช้าขึ้นมาก็เข็นรถไปขายข้าวเหนียวปิ้งซึ่งก็คือคนที่เป็นรัฐมนตรี ในขณะที่เรานั่งอยู่ในพรรค เฝ้าบ้านอยู่ คนที่ออกไปขายข้าวเหนียวปิ้งวัน ๆ หนึ่ง ทุกเช้าก็จะมาบ่นว่าวันนี้จะขายข้าวเหนียวปิ้งได้เท่าไหร่ ขาดทุนเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าวันนี้ไฟกำลังไหม้บ้านอยู่ และตอนนี้ไฟก็ไหม้ไปถึงชั้นบนแล้ว ดังนั้นความวิตกกังวลว่าจะขายข้าวเหนียว ปิ้งได้เท่าไหร่ มันน่าจะน้อยกว่าความกังวลว่าบ้านกำลังไฟไหม้ ท่านออกไปขายข้าวเหนียวปิ้ง กลับมาท่านอาจจะไม่มีบ้านอยู่แล้วก็ได้ ดังนั้นต้องรักษาบ้านก่อน"นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่าที่ประชุมพรรคเห็นตรงกันแล้วว่าควรจะมีการสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยยื่นตรงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย ไม่ต้องผ่านศาลปกครอง ส่วนที่มีการวิจารณ์กันว่าคดีนี้อาจจะจบใน 1 เดือนนั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอน หากปฏิบัติตามกฎหมายระยะเวลาต้องยาวกว่านั้นซึ่งรวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 3 เดือน ในส่วนของกระบวนการยื่นข้อกล่าวหา และหลังจากนั้นจึงค่อยมาสู่กระบวนการพิจารณาซึ่งไม่มีกำหนดระยะเวลาว่าต้องเสร็จภายในเมื่อไหร่ คนที่วิจารณ์ว่าจะเสร็จภายใน 1 เดือนนั้น น่าจะเป็นการอธิบายโดยไม่รู้ข้อกฎหมายและไม่เคยผ่านการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญมาก่อนมากกว่า

ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่มีความพยายามจะเร่งคดีนี้ให้เร็วขึ้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า คดีมันเร่งไม่ได้ ต้องเป็นไปตามกระบวนการที่มีอยู่ และคงไม่มีใครไปเร่งหรือสั่งศาลได้ อย่างไรก็ตามมีหลายประเด็นที่พรรคจะนำมาต่อสู้รวมถึงประเด็นที่ นายทะเบียนพรรคการเมืองมีมติไม่ยุบแล้ว แต่มีการนำมาขอมติจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อีก

ส่วนจะมีการทำความเข้าใจกับทางแกนนำพรรคอย่างหัวหน้าพรรคหรือ เลขาธิการพรรคหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ทุกคนเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งนั้นควรจะรู้ ส่วนคนในพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องการยุบพรรคน้อยเกินไปใช่หรือไม่นั้น เขาอาจจะแบ่งหน้าที่กัน ซึ่งการมองต่างมุมเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า พรรคมีความขัดแย้ง แต่ตนกำลังบอกว่าความสำคัญของบ้านเมืองในขณะนี้มัน คืออะไร ให้มาลำดับความสำคัญกัน

"อย่าไป คิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลยถ้าพรรคถูกยุบ มันเป็นไปไม่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์ รัฐธรรมนูญจะแก้ได้เมื่อพรรคอยู่รอด ดังนั้นความเห็นผมคือการอยู่รอดของพรรคสำคัญกว่าความอยู่รอดของรัฐบาล พรรคเป็นคนตั้งรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้ตั้งพรรค หากคิดว่าเราเป็นพรรคใหญ่ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเป็นพรรคที่กำลังเจอวิกฤตอยู่ด้วย ก่อนที่จะไปช่วยคนอื่น ต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน ถ้าไปช่วยคนจมน้ำหากคนที่ไปช่วยว่ายน้ำไม่เป็นก็ต้องตายไปพร้อม กัน ดังนั้นต้องรักษาตัวให้รอดก่อน"นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลและหัวหน้าพรรคต้องคิดว่าจะปล่อยให้การตัดสินคดียุบพรรคเกิดขึ้นก่อนหรือจะปล่อยให้มีการเลือกตั้งก่อน แล้วค่อยตัดสิน ซึ่งถือว่าสำคัญ ซึ่งหากมีการมอบนโยบายมาเราก็พอจะทำได้ ถ้ารัฐบาลมากระซิบบอกว่าเวลาช่วง นั้นรัฐบาลจะยุบสภา เราก็ต้องมาวิเคราะห์ว่าจะให้ตัดสินคดียุบพรรคก่อนหรือหลัง กระบวนการเหล่านี้อยู่ที่เรากับศาล เราอาจจะมีการต่อรองหรือขอขยายระยะเวลาได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ