มอร์แกน สแตนลีย์เผยกำไรไตรมาส 3 ร่วง 83% ขณะกำไรเวลส์ ฟาร์โกพุ่งเป็นประวัติการณ์

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 21, 2010 10:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ตกลง 83% หลังตลาดหุ้นซบเซา ขณะที่เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค (Wells Fargo & Co.) เผยกำไรสุทธิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากธุรกรรมรายย่อยที่แข็งแกร่ง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กำไรสุทธิของมอร์แกน สแตนลีย์อยู่ที่ระดับ 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ร่วงลง 20% จากปีก่อนหน้านี้แตะที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิของเวลล์ ฟาร์โกขยายตัว 3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากอานิสงส์ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง รวมไปถึงการขยายตัวที่ดีขึ้นของเงินฝาก

การเปิดเผยผลประกอบการของมอร์แกน สแตนลีย์และเวลส์ ฟาร์โกมีขึ้นหลังจากที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ 4 แห่งเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่มีทั้งปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง โดยรายได้ของกลุ่มสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ 6 แห่งปรับตัวดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอัตราการตัดบัญชีหนี้สูญปรับตัวลดลง ในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดเงินที่อ่อนแอและมาตรการกำกับดูแลภาคการเงินฉบับใหม่ยังคงบดบังผลการดำเนินงานของธุรกิจธนาคาร ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธนาคารในสหรัฐยังต้องอาศัยเวลาการขยายตัวอีกนาน จนกว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเต็มที่

ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค รายงานผลกำไรสุทธิที่ทะยานขึ้น 23% แตะระดับ 4.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับซิตี้กรุ๊ป อิงค์ที่รายงานผลกำไรสุทธิ 2.17 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 21 เท่าจากปีก่อน เนื่องจากยอดกันสำรองหนี้สูญปรับตัวลดลงมาก

อย่างไรก็ตาม แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป มียอดขาดทุนสุทธิที่ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารมีอัตราการปรับลดมูลค่าทางบัญชีที่ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อบังคับด้านการกำกับดูแลภาคการเงินของสหรัฐฉบับใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ