เวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียเตรียมปฏิรูปภาคการธนาคาร เพื่อกระตุ้นการแข่งขันในอุตสาหกรรมดังกล่าว หวังปูทางให้กลุ่มสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในประเทศดำเนินธุรกิจไปในแนวทางที่ดีขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยขึ้น 0.45% สู่ระดับ 7.81% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 พ.ย.เป็นต้นไป ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (RBA) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% เป็น 4.75% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
สวอนกล่าวว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ทำกำไรได้สูงช่วยเพิ่มส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (net interest margins) และเพิ่มยอดกำไรจากการปล่อยเงินกู้ ให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลก
"เป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่เริ่มวางก้ามด้วยการขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินหน้าธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นการแข่งขันในภาคธนาคารมากขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคของออสเตรเลีย (ACCC) สามารถจัดระเบียบการปฏิรูปภาคธนาคารให้ดำเนินธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาในอนาคต" สวอน กล่าว
ขณะเดียวกัน สวอนกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าปฏิรูประเบียบข้อบังคับในภาคธนาคาร เพื่อให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ดำเนินธุรกิจไปในแนวทางที่ดีขึ้น พร้อมย้ำว่าจะประกาศแผนการปฏิรูปในเดือนหน้า
ด้านนายโจ ฮอคกี้ โฆษกพรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรรีรอไปจนถึงเดือนธ.ค. แต่ควรรีบกำหนดแผนการปฏิรูปโดยเร็วก่อนที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียอีก 3 แห่งจะประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยออกมา นอกจากนี้เขายังโจมตีรัฐบาลด้วยว่า ไม่มีมาตรการรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันในภาคธุรกิจธนาคารที่อ่อนแรงลง หลังจากที่ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียอีก 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ ธนาคารเวสต์แพค ธนาคารเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ และธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ปยังไม่ได้ประกาศนโยบายดอกเบี้ย แต่ได้ดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียไปแล้วในก่อนหน้านี้