นางหู เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จีนจะใช้เครื่องมือนโยบายการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสภาพคล่อง และจะปรับสภาวะด้านการเงินให้กลับสู่ระดับปกติ หลังจากธนาคารกลางจีนมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเพดานการสำรองสภาพคล่อง 2 ครั้งในเดือนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวผ่านเว็บไซต์ของธนาคารกลางว่า จีนจะใช้เครื่องมือทั้งในเชิงปริมาณและเครื่องมือควบคุมราคาเพื่อจัดการกับสภาพคล่องในระบบ นอกจากนี้ จีนจะควบคุมการขยายตัวของการปล่อยเงินกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ด้วย แม้การรักษาเป้าหมายยอดการปล่อยกู้ใหม่ของรัฐบาลจีนที่ระดับ 7.5 ล้านล้านหยวนในปี 2553 จะเป็นไปอย่างยากลำบากก็ตาม
นางหูยังกล่าวด้วยว่า ค่าแรงที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แพงขึ้น และสภาพคล่องที่มีอยู่จำนวนมาก ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้แรงกดดันของเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ แรงกดดันของเงินเฟ้อยังมีสาเหตุมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศจีนจำนวนมาก อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าจีนจะปรับขึ้นค่าเงินหยวน
นอกจากนี้ นางหูกล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการทุ่มเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซื้อพันธบัตรนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในภาวะเปราะบางและเผชิญกับความเสี่ยง
หนังสือพิมพ์ทเวนตี้เฟิร์ส เซนจูรี บิสิเนส เฮอรัลด์ รายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จีนอยู่ที่ระดับ 6 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย. ซึ่งอาจทำให้ยอดการปล่อยเงินกู้โดยรวมรายปียืนอยู่ที่ระดับเป้าหมายของรัฐบาลที่ 7.5 ล้านล้านหยวนภายในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้