(เพิ่มเติม1) กนง.มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยอาร์/พี 0.25% ระบุแนวโน้มศก.ไทยโตต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 1, 2010 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75% มาที่ 2.00% โดยให้มีผลทันที เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเช่นปัจจุบันมีความจำเป็นน้อยลง

ทั้งนี้ ปัจจุบันพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดีและมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในปีหน้า โดยมีอุปสงค์ในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การลงทุนยังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง ถึงแม้ในระยะสั้น เศรษฐกิจจะชะลอลงบ้างจากที่เร่งตัวขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันทรงตัว แต่ในระยะต่อไปแรงกดดันด้านต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันด้านอุปสงค์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต

ส่วนเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามคาด และนโยบายการเงินของสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าตลาดการเงินระหว่างประเทศยังคงผันผวนจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป แต่มีมาตรการรองรับที่เป็นรูปธรรม เศรษฐกิจเอเชียยังมีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งจากการบริโภคและการลงทุน

นายไพบูลย์ กล่าวเสริมอีกว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามา เพราะนักลงทุนจะดูปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดี ราคาหุ้นดี ดังนั้น จึงมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่แตกต่างกันเป็นปัจจัยที่ดึงดูดเงินทุนไหลเข้ามามากกว่า

สำหรับเศรษฐกิจไทยดีขึ้นและแนวโน้มขยายตัวดีในปี 54 เมื่อเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวกลับสู่ภาวะปกติ อัตราดอกเบี้ยที่รักษาไว้ในระดับต่ำเกือบ 2 ปีก็ควรปรับเข้าสู่ระดับปกติเช่นกัน ซึ่ง ธปท.ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จึงเป็นการดำเนินการต่อเนื่อง

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ระดับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 3.5% ในปี 54 ไม่เหมาะสมกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบถึง 1.6-1.7% หากเทียบกับเงินเฟ้อล่าสุดที่ 2.8% กับอัตราดอกเบี้ยในระบบที่ 3.4% เทียบกับประเทศอื่นที่เคยใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเช่นเดียวกับไทยนั้น หลายประเทศกลับเข้าสู่นโยบายการเงินปกติแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยก็ติดลบเกือบสูงสุดในภูมิภาคนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม กระบวนการในการปรับเข้าอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ภาวะปกติจะพิจารณาจากสถานการณ์ในช่วงที่กำหนดจัดประชุม ณ เวลานั้น ๆ ด้วย

ส่วนในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้พักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาระยะหนึ่งเพื่อความรอบคอบ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกปั่นป่วนและผันผวนมาก แต่ในที่สุดแล้วพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีนั้น หากกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ นานจะไม่เหมาะสม เพราะจะกลายเป็นการสะสมความเสี่ยงเรื่องการเก็งกำไรในสินทรัพย์ และไม่สนับสนุนภาคการออม อาจจะเป็นปัญหาโดยรวมเมื่ออัตราเงินเฟ้อเร่งตีวขึ้น และกลายเป็นภาวะฟองสบู่

"เศรษฐกิจของไทยค่อนข้างดีแล้วในปี 53 และ 54 ก็ยังโตต่อเนื่อง ซึ่งช่องว่างทางด้านศักยภาพจริงมันก็จะกว้างขึ้น ดังนั้นเศรษฐกิจที่โตตามศักยภาพจะกดดันเงินเฟ้อตามมา แต่อย่างไรก็ตาม กนง.ให้น้ำหนักความสำคัญของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ซึ่งบิดเบือนกลไกตลาด และไม่สนับสนุนภาคการออมและนำไปสู่ปัญหาฟองสบู่"นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้เหลือเวลาแค่เดือนเดียวก็จะสิ้นปีแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นแล้ว แต่ ธปท.ก็จะต้องติดตามความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา แม้เศรษฐกิจไทย Q3/53 จะแสดงถึงการขยายตัวที่ดีขึ้น แม้จะชะลอตัวในระยะสั้น แต่ก็เป็นเพราะจากฐานเศรษฐกิจที่สูง จึงถือเป็นเรื่องปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ