ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศความพร้อมที่จะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรปเพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์การเงินที่กำลังลุกลามอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า อีซีบีอาจจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลไอร์แลนด์และโปรตุเกส
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3219 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ (1 ธ.ค.) ที่ 1.3142 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5602 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5627 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.880 เยน จากระดับของวันพุธที่ 84.190 เยน และอ่อนตัวลง 0.93% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9929 ฟรังค์ จากระดับ 1.0022 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9752 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ 0.9689 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.60% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7540 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7495 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่แพร่สะพัดในตลาดการเงินว่า อีซีบีจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ซึ่งหากเป็นไปตามการคาดการณ์ดังกล่าว ก็จะช่วยให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยโรปผ่อนคลายลง และจะยิ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของระบบการเงินยุโรปมากขึ้น
นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังดีดตัวขึ้นหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบียืนยันว่า อีซีบีจะขยายนโยบายผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ หลังจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปส่งผลให้สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ยูโรอ่อนตัวลงในระหว่างวัน เนื่องจากธนาคารกลางยุโรปไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ท้ายที่สุดแล้วอีซีบีจะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรเพื่อลดกระแสความวิตกกังวลในตลาด
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศนั้น ขยายตัวขึ้น 1.9% ในไตรมาส 3 จากระดับไตรมาส 2 ที่ขยายตัวถึง 4.3% สวนทางกับอุปสงค์ของผู้บริโภคที่สูงขึ้น
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.4% แตะที่ 89.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 80.9 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.5%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 9.6%