นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) เดือนพ.ย.53 เพิ่มขึ้น 5.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 หลังจากเผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 63.63%
ขณะที่ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 190.36 เพิ่มขึ้น 5.61% จากระดับ 180.24, ดัชนีการส่งสินค้าอยู่ที่ระดับ 194.45 เพิ่มขึ้น 7.99% จากระดับ 180.50, ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 193.49 เพิ่มขึ้น 11.65% จากระดับ 173.29, ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 122.92 เพิ่มขึ้น 8.77% จากระดับ 113.02 และดัชนีผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 139.61 เพิ่มขึ้น 1.22% จากระดับ 137.92
ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ส่งผลต่อการขยายตัวของ MPI เดือน พ.ย.ที่สำคัญได้แก่ การผลิตรถยนต์, เครื่องปรับอากาศ, ปูนซีเมนต์, เครื่องสุขภัณฑ์, การแปรรูปสัตว์น้ำ, Hard disk drive
โดยการผลิตรถยนต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้น 25.9% และ 25.0% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของโลกและของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับตลาดภายในประเทศได้รับผลดีจากค่ายรถยนต์ต่างมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวได้ดีจึงส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
การผลิตเครื่องปรับอากาศ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 58.4% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 48.7% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวผู้ประกอบการได้ส่งสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ จึงได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป อีกทั้งปัจจัยการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นหลายโครงการ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ส่งผลต่อยอดการผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศที่สูงขึ้น
การผลิตปูนซีเมนต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 7.2% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10.3% เนื่องจากภาวะการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก และอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการขยายตัวในระยะสั้น คือ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในการ ซ่อมแซมสาธารณูปโภคต่างๆหลังได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
การผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 24.2% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 15.4% เนื่องจากมีความต้องการใช้สูงขึ้น เป็นไปตามทิศทางการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
การแปรรูปสัตว์น้ำ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 5.9% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10.0% โดยสินค้าสำคัญในกลุ่มคือกุ้งแช่แข็ง ซึ่งเป็นผลมาจากประเทศคู่ค้าต่างๆ มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศคู่แข่งของไทย เช่น อินโดนีเซีย, เวียดนาม, บราซิล และเม็กซิโก ประสบปัญหาโรคระบาดและน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกทำให้ผลผลิตกุ้งลดลงอย่างมาก จึงส่งผลทำให้การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้นดังกล่าว
ขณะที่การผลิต Hard disk drive เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 2.1% ถือเป็นการปรับฐานทางเทคนิคปกติ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาระดับสินค้าสำเร็จรูปคงคลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 121% เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีแผนขยายสายการผลิตใหม่ในปี 2554 จึงมีการสต๊อกสินค้าเพื่อใช้หมุนเวียนให้เพียงพอ ส่งผลทำให้ตัวเลขสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้น