สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับภาวะที่ไม่แน่นอน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 7.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,413.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,401.50 - 1,414.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 38.10 เซนต์ ปิดที่ 30.704 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,760.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 793.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 52.5 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน ตลาดได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐ รวมถึงสกุลเงินยูโร เงินเยน และเงินปอนด์ ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 79.55%
นอกจากนี้ การที่สัญญาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปี 2553 ยังกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี รวมทั้งการเข้าซื้อเพื่อเป้าหมายที่จะป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลกด้วย
สภาทองคำโลก (WGC) คาดการณ์ว่า การลงทุนในทองคำทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า และในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ความต้องการทองคำทั่วโลกเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการลงทุน พุ่งขึ้น 37%