สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) เปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กดิบขยายตัวขึ้นในไตรมาส 4 ของปี 2553 พร้อมกับที่โครงการพัฒนาระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 11 (2549-2553) สิ้นสุดลง
สมาคมฯระบุว่า ผลผลิตเหล็กดิบยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนธ.ค. ด้วยปริมาณผลผลิตรายวันโดยเฉลี่ยที่ 1.733 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตรายวันตลอดทั้งเดือนธ.ค. เฉลี่ยอยู่ที่ 1.699 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.07% จากเดือนพ.ย
ทั้งนี้ ปี 2553 ถือเป็นปีสิ้นสุดของโครงการพัฒนาฉบับที่ 11 ของจีน ซึ่งในระยะเวลา 5 ปีภายใต้แผนพัฒนาดังกล่าวนั้น อุตสาหกรรมเหล็กและแร่เหล็กได้พุ่งเป้าไปที่การปิดโรงงานที่ล้าสมัย ตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลที่ต้องการให้ประหยัดพลังงาน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้มีการปิดโรงงานที่ล้าสมัย ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตเหล็กรวม 116.96 ล้านตัน และกำลังการผลิตเหล็กกล้า 69.14 ล้านตัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตรวมตลอดทั้งปีอย่างเป็นทางการ แต่กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค.ว่า ผลผลิตเหล็กดิบในปี 2553 จะอยู่ที่ 620 ล้านตัน
หลัว ปิงเชิง รองเลขาธิการของสมาคมฯ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กจำเป็นต้องเร่งการปรับโครงสร้างในช่วงปี 2554 - 2558 และทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านเหล็กและเหล็กกล้าชั้นนำของโลก