รมว.พลังงานเล็งแก้ก.ม.ปิโตรเลียมนำเงินค่าภาคหลวงชดเชยราคาก๊าซLPG

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday January 16, 2011 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะนำเงินค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาใช้ชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี จะต้องมีการแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ปี 2514 ซึ่งกฎหมายเดิมกำหนดให้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.การเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม 2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ 3. ภาษีพิเศษ ที่จัดเก็บเป็นอัตราก้าวหน้าตามปริมาณการผลิตปิโตรเลียม โดยเงินทั้ง 3 ส่วนนี้กฎหมายกำหนดให้ค่าภาคหลวงที่เก็บได้ต้องส่งเงินเข้าคลังทั้งหมด ดังนั้น การจะนำมาชดเชยราคาแอลพีจี จะต้องมีการแก้กฎหมาย โดยมี 2 แนวทาง คือ ออกร่างกฎหมายใหม่ หรือแก้ไขฉบับเดิม ซึ่งการออกกฎหมายใหม่ต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่การแก้กฎหมายจะมีความสะดวกมากกว่า

ทั้งนี้การแก้กฎหมายจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เสนอ ครม. พิจารณาและอนุมัติในหลักการ หลังจากนั้นจึงส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ร่างกฎหมาย เมื่อร่างเสร็จจะส่งมาให้หน่วยงานตรวจสอบอีกครั้ง และนำส่ง ครม. อนุมัติอีกรอบ เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงการรอการแก้ไขกฎหมาย จะให้กระทรวงการคลังตั้งวงเงินงบประมาณ เพื่อนำมาใช้ชดเชยราคาแอลพีจีก่อน เริ่มตั้งแต่งบประมาณปี 2555 หรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2554 และหลังแก้กฎหมายแล้วเสร็จ จึงจะนำเงินจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาคืนให้กับกระทรวงการคลัง โดยปัจจุบัน ค่าภาคหลวงมีการจัดเก็บเข้ารัฐประมาณปีละ 40,000 ล้านบาท

รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า เม็ดเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติในวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อพยุงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้มีราคาเกิน 30 บาท/ลิตร ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังมีเงินคงเหลือ 3,759 ล้านบาท หากราคาน้ำมันตลาดโลกทรงตัวอยู่ในระดับ 92-93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะสามารถชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปได้อีก 1 เดือน แต่หากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงกว่านี้คงไม่สามารถพยุงราคาได้ถึง 1 เดือน ดังนั้น เมื่อวงเงินดังกล่าวนี้ถูกนำมาใช้ชดเชยราคาจนหมด กระทรวงพลังงานจะต้องหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อหามาตรการอื่นในการช่วยพยุงราคาดีเซลแทน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ