"โสภณ"สั่งตรวจ 1 ก.พ.ห้ามคนขับรถสาธารณะที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดทำหน้าที่

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 26, 2011 18:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ กรมการขนส่งทางบกจะบังคับใช้ระเบียบที่มีข้อกำหนดห้ามผู้ขับขี่รถสาธารณะดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่หรือขับรถโดยเด็ดขาด โดยกำหนดให้บุคคลดังกล่าวต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเป็นศูนย์ ซึ่งหากพบปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะปริมาณเท่าใด แต่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่าเป็นผู้เสพสุรา และหากพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่าเป็นผู้เมาสุรา ซึ่งถือว่ามีความผิดตามกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ปัจจุบันกฎหมายจะดำเนินคดีกับผู้ขับขี่รถยนต์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ผู้ขับขี่ที่พบปริมาณแอลกอฮอล์ระหว่าง 0-50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ไม่ถือว่ามีความผิด แต่ระเบียบใหม่นี้จะบังคับใช้เฉพาะผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งหากพบว่ามีมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่ามีความผิดทันที" นายโสภณ กล่าว

ส่วนผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ควบคุมดูแลพนักงานขับรถและผู้ประจำรถจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และมีผลต่อการพิจารณาการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วย และในระยะต่อไปจะขยายผลไปยังรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ เช่น รถตู้โดยสาร รถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงรถส่วนบุคคลด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้มอบนโยบายให้กับกรมการขนส่งทางบกจัดหารถโมบายเคลื่อนที่เพื่อออกตรวจสอบความเร็ว และตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามเส้นทางต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันและป้องปราม ซึ่งจะได้ช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และเป็นการสนับสนุนนโยบายคมนาคมปลอดภัยเบื้องต้นจะนำร่องก่อน 4 คัน ประจำเส้นทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค กลาง และภาคใต้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ