ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนม.ค. เนื่องจากยอดส่งออกชะลอตัวลง ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกในเดือนม.ค.ขยายตัว 1.4% จากปีก่อนหน้านี้แตะที่ 4.971 ล้านล้านเยน ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน แต่การขยายตัวดังกล่าวน้อยกว่าเดือนธ.ค.ที่พุ่งสูงขึ้น 12.9% และน้อยกว่าเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 9.1% เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าในเอเชียซบเซาลง
การนำเข้าขยายตัว 12.4% ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 แตะระดับ 5.442 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและต้นทุนพลังงานชนิดอื่นๆ พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้บัญชีการค้าติดลบอยู่ 4.714 แสนล้านเยน และเป็นการขาดดุลครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
ผลกระทบในแง่ลบส่วนใหญ่มาจากยอดส่งออกไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นขยายตัวเพียง 1.0% แตะที่ 9.288 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นระดับที่ชะลอตัวแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ก็ตาม
ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ ระบุว่า โดยปกติแล้วยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังประเทศจีนมักชะลอตัวลงในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นช่วงก่อนถึงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนที่ตรงกับช่วงต้นเดือนก.พ. สำนักข่าวเกียวโดรายงาน