ธอมสัน รอยเตอร์ ประกาศรางวัล FX AWARDS เป็นครั้งที่ 2 ในไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 24, 2011 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธอมสัน รอยเตอร์ ประกาศรายชื่อสถาบันการเงินที่ได้รับรางวัลด้านการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ (FX AWARDS) เป็นครั้งที่สองสำหรับวงการการเงินของไทย เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและสภาพคล่องในตลาดปริวรรตเงินตราของไทย และ ตระหนักถึงความสำคัญของตลาดดังกล่าวที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

สำหรับสถาบันการเงินที่ได้รับรางวัลนั้น ได้รับการคัดเลือกจากปริมาณการซื้อขายและการให้ข้อมูลด้านราคาผ่านระบบซื้อ ขายอัตราแลกเปลี่ยนแบบอิเล็กทรอนิกส์ของธอมสัน รอยเตอร์ ได้แก่

-สาขาผู้จัดสรรสภาพคล่องดอลลาร์สหรัฐ/บาทยอดเยี่ยม (จากระบบซื้อขาย Dealing Spot Matching)

รางวัลชนะเลิศ: ธนาคารดอยซ์ แบงก์

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ธนาคารกรุงเทพ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)

-สาขาผู้จัดสรรสภาพคล่องสกุลเงินต่างประเทศยอดเยี่ยม (จากระบบซื้อขาย Dealing Spot Matching)

รางวัลชนะเลิศ: ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ธนาคารทหารไทย

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ธนาคารกรุงเทพ

-สาขาผู้จัดสรรสภาพคล่องสกุลเงินต่างประเทศยอดเยี่ยม (จากระบบซื้อขาย RTFX)

รางวัลชนะเลิศ: ธนาคารธนชาต

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ธนาคารยูโอบี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ธนาคารกสิกรไทย

-สาขาผู้ให้ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนยอดเยี่ยม

รางวัลชนะเลิศ: ธนาคารไทยพาณิชย์

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ คอร์ปอเรชั่น

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ธนาคารโตเกียว มิตซูบิชิ

-สาขาผู้ให้ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินบาทยอดเยี่ยม

รางวัลชนะเลิศ: ธนาคารซิตี้แบงก์

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ธนาคารทหารไทย

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ธนาคารดอยซ์ แบงก์

นางสาวสุวิมล เตชัสวรารักษ์ ผู้จัดการธุรกิจ ธอมสัน รอยเตอร์ ประจำประเทศไทย เวียดนาม และอินโดจีน ระบุว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีปริมาณการซื้อขายที่สูง และยังคงได้รับความสนใจอย่างมากจากวงการซื้อ ขายทั่วโลก โดยในเดือนมกราคม 2544 มีปริมาณการซื้อขายในตลาดสปอตทั่วโลกโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1.45 แสนล้านดอลลาร์ โดยธอมสัน รอยเตอร์ เป็นบริษัทแรกที่เปิดตัวระบบซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สหรัฐ ผ่านทางบริการจับ คู่การซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น 10.5% ในปี 2553 ซึ่งนับเป็นสกุลเงินที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามในเอเชียรอง จากเงินเยน ญี่ปุ่น และมาเลเซียน ริงกิต และในปีเดียวกันตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 41% จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าเป็น มูลค่าถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ โดยประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจาก อินโดนีเซีย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ