นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวต่อคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์แห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า เศรษฐกิจโลกกำลังขยายตัวในขณะนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ในช่วง 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับอุปสรรคท้าทายและความเสี่ยงต่างๆอีกมากมายในระยะใกล้นี้
"เศรษฐกิจโลกกำลังขยายตัวในอัตราที่แตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วขยายตัวไม่มากนัก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าประเทศตลาดเกิดใหม่จะขยายตัว 6.5% ในปีนี้ และคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในยุโรปและญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 1.5% ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวปานกลาง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้" ไกธ์เนอร์กล่าวไกธ์เนอร์กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ความท้าทายอย่างแรกคือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ในแอฟริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงอียิปต์และลิเบีย ที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความไม่แน่นอน ส่วนความท้าทายอย่างที่สองคือวิกฤตหนี้สาธารณะที่ยังคงส่งผลกระทบในยุโรป
"ผู้นำในหลายประเทศกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการกำหนดกลไกด้านการเงิน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายประเทศเผชิญกับอุปสรรคท้าทายอย่างมาก" ไกธ์เนอร์กล่าวความท้าทายอย่างที่สามคือเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่รายใหญ่อย่างจีนและอินเดียมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งทำให้เงินเฟ้อในประเทศเหล่านี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนความท้าทายอย่างที่สี่คือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมถึงราคาอาหารและน้ำมัน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลก และความท้าทายอย่างที่ห้าคือ การขยายตัวที่ยั่งยืนจะขึ้นอยู่กับความสามารถของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ที่จะเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อให้สถานะการคลังอยู่ในสภาวะที่ยั่งยืน สำนักข่าวซินหัวรายงาน