นายอากัส มาร์โตวาร์โดโจ รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย กล่าวว่า งบประมาณของประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการขึ้นราคาเชื้อเพลิงในปีนี้
รมว.คลังอินโดนีเซียกล่าวว่า "แม้ว่าราคาน้ำมันพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าเงินรูเปียห์จะอยู่ที่ 8,800 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ แต่งบประมาณของเรายังคงปลอดภัยและแข็งแกร่ง"
ราคาน้ำมันเฉลี่ยในอินโดนีเซียในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 86.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในงบประมาณปี 2554
รัฐบาลคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอินโดนีเซีย (ICP) ซึ่งเป็นมาตรวัดการนำเข้าและส่งออกน้ำมันดับจะอยู่ในอัตราเฉลี่ยที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่เงินรูเปียห์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 9,250 ต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ อินโดนีเซียใช้สมมติฐาน 7 ข้อในการคำนวณงบประมาณ ซึ่งรวมถึงราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินรูเปียห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
"ในสิ้นปีนี้ ค่าเฉลี่ยของ ICP จะอยู่เหนือระดับคาดการณ์ของเรา" นายอากัสกล่าว พร้อมระบุด้วยว่า การที่เงินดอลลาร์คลาดเคลื่อนไปจากที่เราคาดการณ์ไว้อาจทำให้อินโดนีเซียมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 8 แสนล้านรูเปียห์ (91.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น
เขากล่าวด้วยว่า มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลผลิตน้ำมันของประเทศซึ่งอินโดนีเซียตั้งเป้าไว้ที่ 970,000 บาร์เรลต่อวัน โดยทางBPMigas ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า ผลผลิตน้ำมันจะอยู่ที่ 945,000 - 970,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่กระทรวงการคลังเชื่อว่าผลผลิตน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 950,000 บาร์เรลต่อวัน
การผลิตที่ลดลงประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่องบประมาณ ในขณะที่รัฐบาลยังคงจ่ายเงินอุดหนุนเชื้อเพลิง ทั้งนี้ คาดกันว่าค่าใช้จ่ายสำหรับเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงจะพุ่งขึ้นแตะที่ 92.8 ล้านล้านรูเปียห์ในปีนี้
ทั้งนี้ ผลผลิตน้ำมันที่ต่ำกว่าเป้าทุกๆ 5,000 บาร์เรลต่อวันจะทำให้อินโดนีเซียมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นแตะ 9 แสนล้านรูเปียห์ อย่างไรก็ตาม นายอากัสกล่าวว่า การแข็งค่าของเงินรูเปียห์ทุกๆ 100 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐจะทำให้ยอดขาดดุลหดตัวลง 1.7 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
รายงานจากธนาคารโลกระบุว่า กลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย 10% ในอินโดนีเซียได้รับเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงที่ 135,000 รูเปียห์ต่อคน ขณะที่ผู้มีฐานะยากจน 10% ได้รับเงินอุดหนุนเพียง 23,000 รูเปียห์ต่อคน