นางพูนทรัพย์ สกุณี ผู้อำนวยการสำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลเอ็นจี) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา มีปริมาณนำเข้า 113,597 ตัน/เดือน คิดเป็นมูลค่าในการนำเข้าประมาณ 2,965 ล้านบาท
ส่วนในเดือนมี.ค. และเม.ย. นี้คาดว่าจะมีการนำเข้าประมาณ 1.1 แสนตัน/เดือน เนื่องจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในภาคขนส่ง และปิโตรเคมี ก็ทำให้การนำเข้ายังไม่ลดลง นอกจากนี้หน่วยกลั่นน้ำมัน (AR1) กำลังการกลั่น 1.5 แสนบาร์เรล/วัน ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปีไปตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 17 มีนาคม ยังไม่สามารถที่จะกลับมาเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ ทำให้การผลิตแอลพีจีก็ยังเข้าระบบได้ไม่เต็มที่ การนำเข้าจึงยังไม่ลดลง
ทั้งนี้ แม้ว่าโรงแยกก๊าซธรรมชาติ แห่งที่ 6 ของ บมจ.ปตท.(PTT)จะมีการเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่การหยุดซ่อมแซมในบางช่วง ทำให้ยังมีปริมาณการผลิตแอลพีจีออกมาไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ จะมีการผลิตแอลพีจีได้เต็มที่ประมาณ 8.6 หมื่นตัน/เดือน แต่จะไม่ทำให้การนำเข้าแอลพีจีของประเทศลดลง เนื่องจากในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จะมีโรงงานปิโตรเคมีขั้นปลายของบมจ.ปตท.เคมีคอล(PTTCH)เกิดขึ้น ทำให้ต้องมีใช้แอลพีจีเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 หมื่นตัน/เดือน ดังนั้น คาดว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จะมีการนำเข้าแอลพีจีเฉลี่ยเดือนละ 1.4 แสนตัน/เดือน
สำหรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศหันมาผลิตแอลพีจีเพิ่มขึ้น โดยการเพิ่มราคาขายหน้าโรงกลั่นเมื่อเทียบกับเฉลี่ยราคานำเข้ากับราคาในประเทศ ทำให้โรงกลั่นน้ำมันได้ผลิตแอลพีจีออกสู่ตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยในเดือนกุมภาพันธ์ มีการผลิตแอลพีจีเพิ่มขึ้นอีก 3.56 หมื่นตัน
ส่วนในเดือนมีนาคมคาดว่าจะมีการผลิตเพิ่มได้ประมาณ 3.4 หมื่นตัน และในเดือนเมษายนคาดว่าจะมีการผลิตเพิ่ม 4.5 หมื่นตัน เมื่อรวมกับปริมาณการผลิตแอลพีจีของโรงกลั่นน้ำมันที่มีการผลิตอยู่เดิมเฉลี่ยรวมกันประมาณ 3.4 หมื่นตัน/เดือน จะทำให้รวมแล้วปัจจุบันมีกำลังการผลิตแอลพีจีจากโรงกลั่น ประมาณ 7-8 หมื่นตัน/เดือน ซึ่งทำให้สามารถลดการนำเข้าได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาวิกฤตการณ์ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการนำเข้าแอลพีจีจำนวนมาก และมีการสั่งซื้อ Spot จากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ทำให้การจัดหาแอลพีจีค่อนข้างตึงตัวในขณะนี้ แต่การขนส่งมายังประเทศไทยยังไม่มีปัญหา และ ปตท.เองก็มีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้โดยมีการนำคลังแอลพีจีลอยน้ำ (Floating LPG) ขนาดความจุประมาณ 4.4 หมื่นตัน มาสำรองไว้กรณีที่การจัดหาเกิดมีปัญหาก็จะได้แอลพีจีจากที่สำรองไว้ในคลังแอลพีจีลอยน้ำ