กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนมี.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 8.8% จากระดับ 8.9% ในเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่ง
โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา การจ้างงานในภาคการผลิต บริการภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมเหมือง การศึกษา และการดูแลสุขภาพมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราว่างงานของสหรัฐในขณะนี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 ซึ่งทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากระดับ 9.8% ในเดือนพ.ย. 2553
ภาคการผลิต ซึ่งถูกมองว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐนั้นมีตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 17,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าคงทนอย่างผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องมือเครื่องจักร ทั้งนี้ การจ้างงานในการผลิตสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นแล้ว 243,000 ตำแหน่งนับจากระดับต่ำสุดเมื่อเดือนธ.ค. 2552
สำหรับจำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลงประมาณ 200,000 รายในเดือนมี.ค.มาอยู่ที่ 13.5 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่ายอดรวมจำนวนผู้ตกงานเมื่อช่วงก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเดือนธ.ค. 2550 อยู่ถึง 2 เท่า
รายงานระบุด้วยว่าจำนวนชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์ของแรงงานนอกภาคการเกษตรยังคงอยู่ในระดับเดิมที่ 34.3 ชั่วโมง เช่นเดียวกับรายได้ต่อชั่วโมงที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับ 22.87 ดอลลาร์
การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานล่าสุดนี้ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐมีอัตราการขยายตัวที่ระดับ 3.1% ในไตรมาส 4 ปี 2553 เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.6% ในไตรมาส 3 และเป็นการขยายตัวรายไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว นอกจากนี้ เศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2553 ยังขยายตัวได้ที่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แต่การขยายตัวดังกล่าวยังไม่เร็วพอที่จะทำให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวได้มากนัก