สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 14.8 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,474.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,457.7 - 1,476.2 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.056 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 40.608 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2523
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ทะยาน 21.5 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,812.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดีดขึ้น 13.95 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 794.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ราคาทองคำทะยานขึ้นทำนิวไฮหลังจากที่ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้า 6 สกุลเงินหลัก ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2552 โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายกันในสกุลดอลลาร์ มีราคาที่ถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
โดยเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจต้องยุติการให้บริการบางส่วนแก่ประชาชนชั่วคราว (government shutdown) อันเนื่องมาจากสภาคองเกรสสหรัฐยังไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องงบประมาณได้
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับเงินเฟ้อทั่วโลก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 112 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่นิวยอร์กเป็นครั้งแรกในรอบ 30 เดือน นักลงทุนจึงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เพราะทองคำไม่อ่อนไหวต่อความผันผวนของราคา
เอสพีดีอาร์ โกลด์ ทรัสต์ ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า สัดส่วนการถือครองทองคำปรับตัวสูงขึ้นแตะ 1,217.209 ตัน ณ วันที่ 7 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ และพุ่งขึ้น 3.2% โดยรวม ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในรายสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2553