สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่ากิจกรรมในภาคธุรกิจของเยอรมนีและฝรั่งเศสขยายตัวแข็งแกร่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลกรีซอาจจะต้องปรับโครงสร้างหนี้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4331 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4232 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6313 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6265 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.500 เยน จากระดับ 82.650 เยน แต่พุ่งขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8996 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.10% แตะที่ 1.0516 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0506 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.28% แตะที่ 0.7878 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7900 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรมากขึ้นเมื่อยูโรสแตทรายงานว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของเยอรมนีและฝรั่งเศสขยายตัวแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลจากปัญหาหนี้ยุโรป รวมถึงการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลกรีซอาจะต้องปรับโครงสร้างหนี้และอาจจะเผชิญปัญหาผิดนัดชำระหนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนเมื่อยูโรสแตทรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคธุรกิจในกลุ่มยูโรโซน ขยายตัวสูงกว่าระดับ 50 จุดในเดือนเม.ย. และยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลกรีซดำเนินไปอย่างราบรื่น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" อย่างไรก็ตาม ช่วงลบของดอลลาร์ปรับตัวลดลงเมื่อนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐไม่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือขั้น AAA
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 7.2% แตะที่ 549,000 ยูนิตต่อปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 520,000 ต่อปี ส่วนตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 11.2% แตะที่ 594,000 ยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 540,000 ยูนิต
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนมี.ค.