(เพิ่มเติม) กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาที่ 2.75% ยังเป็นขาขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 20, 2011 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี โดยให้มีผลทันที พร้อมระบุว่า อัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นต่อไป เนื่องจากอัตราขณะนี้ยังต่ำกว่าระดับปกติ อีกทั้งเพื่อหยุดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันและการทยอยขึ้นราคาสินค้าหลังจากหมดมาตรการตรึงราคา

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะติดตามแนวโน้มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีมากขึ้นจากการขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าได้ง่ายขึ้น

สอดคล้องกับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทางการจะเป็นปัจจัยเพิ่มเติมให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงในระยะต่อไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ประชุม กนง.ได้นำผลจากการนำมาตรการภาษีมาใช้ตรึงราคาดีเซลต่อไปเข้าสู่การพิจารณาในครั้งนี้ด้วย แต่มองว่าจะมีผลชะลอการเร่งตัวของเงินเฟ้อในระยะสั้นเท่านั้น โดยการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ายังให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจมากกว่า

"มาตรการนี้ทำให้เงินเฟ้อลดลงเฉพาะวิธีการคำนวณ แต่ด้านนโยบายการเงินต้องนำผลจริงของเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และการคาดกาณ์เงินเฟ้อล่วงหน้าของภาคเอกชนมาพิจารณา ซึ่งธปท.ส่งสัญญาณตลอดว่าจะหยุดการคาดการณ์ ซึ่งเอกชนมองว่าเงินเฟ้อจะพุ่งไปที่ 3.7%"นายไพบูลย์ กล่าว

นอกจากนั้น ในที่ประชุมยังมีการแสดงความคิดเห็นกันว่าหากมีการยุติตรึงราคาน้ำมันและสินค้าบางรายการจะทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างมาก และอัตราจะมีความผันผวน ในระยะต่อจากนี้ 6 เดือนราคาสินค้าและเงินเฟ้อจะสูงขึ้นมาก แต่ก็ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันโลกในขณะนั้นด้วย

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่เร่งตัวขึ้นในขณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกำลังซื้อในโลกที่ยังสูง โดยเฉพาะจากประเทศเกิดใหม่ทั้งจีนและเอเชีย รวมถึงราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย แต่ปัญหาเหล่านี้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก และสาเหตุอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ในตะวันออกกลางจะมีผลกระทบกับราคาน้ำมัน จึงทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานอย่างมาก

สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก กนง.เห็นว่า ยังขยายตัวได้ดี จากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศโดยสินเชื่อภาคธุรกิจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ภัยพพิบัติในญี่ปุ่นคาดว่าจะส่งผลให้การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิคส์ชะลอตัวลงบ้าง ขณะที่ผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้อยู่ในวงจำกัด

ในระยะต่อไปคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังมีแรงส่งที่ดี การผลิตจะเร่งขึ้นได้ภายหลังปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบจากญี่ปุ่นคลี่คลายลงและสามารถตอบสนองอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่มีอยู่ต่อเนื่อง

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ธปท.มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ไม่ได้กระทบกับเงินทุนไหลเข้า-ออกมากนัก เพราะพูดอยู่เสมอว่าภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในปีนี้จะมีทั้งการไหลเข้าและไหลออก เคลื่อนไหวในลักษณะ 2 ทิศทางมากขึ้น และธปท.ยังคงติดตามอยู่

ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% จะเข้าใกล้อัตราปกติหรือไม่นั้น คงต้องเทียบกับภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อด้วย ดังนั้นทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นอยู่ เพราะขณะนี้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง -1% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้(MLR)ที่แท้จริง +2.9% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก(12 เดือน)ที่แท้จริง -1.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ