(เพิ่มเติม) ธปท.มองแนวโน้มเงินทุนไหลเข้า-ออกสมดุลมากขึ้น แต่ยังผันผวน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 27, 2011 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า แนวโน้มเงินทุนไหลเข้า-ออกในระยะต่อไปจะมีความสมดุลมากขึ้น เป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในและต่างประเทศแคบลง แต่เงินทุนเคลื่อนย้ายก็จะยังคงมีความผันผวนตามที่เคยคาดการณ์ไว้

พร้อทั้ง มองว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก และจะชะลอลงเล็กน้อยในปีหน้า

นางอัจนา กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"เปิดมุมมอง ส่องเศรษฐกิจโลก"ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีการคาดการณ์ว่ากำลังขยายตัวได้ดี แม้บางประเทศ เช่น สหรัฐ มีการปรับลดการคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจลง จากปัญหาการว่างงานที่ยังสูง หรือ ประเทศญี่ปุ่นที่ประสบภัยพิบัติ

แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองในระยะ 2 ปีข้างหน้า คือปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จากเดิมที่ประเทศพัฒนาแล้วไม่ได้มีปัญหาเงินเฟ้อเนื่องจากเศรษฐกิจยังอ่อนแรง แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วค่อยๆดีขึ้น และทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น ทั้งในยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

และเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ดังนั้น จะพบว่าในระยะจากนี้ไปถึงปีนี้ แนวโน้มเงินทุนไหลเข้าออกจะมีความสมดุลมากขึ้น เนื่องจากส่วนต่างของดอกเบี้ยของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้วแคบลง นอกจากนี้ อาจจะเห็นบางประเทศทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อ เช่น ธนาคารกลางจีนที่ประกาศจะปล่อยให้ค่าเงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

"ปีนี้เงินทุนไหลเข้าก็มีมากขึ้น แต่ก็มีไหลออกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าออกจะสมดุลมากขึ้น เนื่องจากความต่างของเศรษฐกิจของประเทศ 2 กลุ่ม และอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มแคบลง แต่ทั้งนี้ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายก็ยังมีมากเหมือนเดิม" นางอัจนา กล่าว

ขณะที่ ธปท.มีแผนรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่ตลอด เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเงินทุนไหลเข้าออกจะเป็นอย่างไร แต่ ธปท.จะไม่นำมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายมาใช้หากไม่จำเป็น

นางอัจนา กล่าวว่า ปัญหาเงินเฟ้อกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงไปทั่วโลก แต่มองว่าในปีหน้าเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลง ซึ่งหากควบคุมเงินเฟ้อได้ดีจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่ง ธปท.เห็นแนวโน้มการสูงขึ้นของเงินเฟ้อ จึงได้มีการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาตั้งแต่เดือน ก.ค.53

สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลก ในปีนี้เชื่อว่ายังมีโอกาสปรับสูงขึ้นอีก จากปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากปัญหาในประเทศลิเบียที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมัน 5 แสนบาร์เรล แม้ประเทศซาอุดิอาราเบียประกาศจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมาชดเชยให้ก็ตาม เพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันมีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกในปีหน้ามีโอกาสที่จะปรับลดลงได้เล็กน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ