นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น
สถานีโทรทัศน์แชแนล นิวส์เอเชียคาดว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในเอเชียแปซิฟิกจะหดตัวลง 1-2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ระบุว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในเอเชียแปซิฟิกหดตัวลง 2% ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย เวียดนาม และมาเลเซีย จะขยายตัวขึ้น เนื่องจากประชากรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากและภาวะเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางเพื่อการพักผ่อนและธุรกิจ
นอกจากนี้ คาดว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจภายในประเทศมีความแข็งแกร่ง และจากการที่เกาหลีใต้มีเป้าหมายที่จะดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนข้ามชาติ
จูเลียส เยียว นักวิเคราะห์จากฟรอส แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวว่า "เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีแนวโน้มแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้จำนวนผู้โดยสารปรับตัวสูงขึ้นด้วย"
อย่างไรก็ตาม นักวิคราะห์คาดว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศในญี่ปุ่นจะยังคงย่ำแย่ เนื่องจากสถานการณ์บนภาคพื้นดินยังคงอ่อนแอมาก โดยมีรายงานว่า ความต้องการในตลาดการบินภายในประเทศของญี่ปุ่นหดตัวลง 22% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้
"ถ้าคุณดูจากช่วงเทศกาลวันหยุดโกลเด้นวีคในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่การเดินทางทางอากาศคึกคักที่สุดในญี่ปุ่น จะพบว่าตัวเลขการเดินทางไปยังต่างประเทศของชาวญี่ปุ่นชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งตลาดการเดินทางทางอากาศของญี่ปุ่นมีมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 10% ของตลาดการเดินทางทางอากาศทั่วโลก" ชูเคอร์ ยูซุฟ นักวิเคราะห์ด้านการบินจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์กล่าว
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า เมื่อดูจากภาพรวมแล้วคาดว่า สายการบินของเกาหลีใต้ จีน และประเทศในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชียอาจจะได้รับผลกระทบเนื่องจากสายการบินเหล่านี้ต้องพึ่งพาตลาดญี่ปุ่น ยกตัวอย่างสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ส์ ที่จำนวนผู้โดยสารจะหดตัวลง 25-30% หลังจากเกิดภัยพิบัติในญี่ปุ่น