(เพิ่มเติม1) ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.1% และคงนโยบายผ่อนปรนทางการเงิน

ข่าวต่างประเทศ Friday May 20, 2011 12:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.1% และยังได้มีมติให้คงกองทุนซื้อสินทรัพย์วงเงิน 10 ล้านล้านเยน รวมทั้งคงนโยบายผ่อนปรนทางการเงินในการประชุมวันนี้

ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน และสิ้นสุดลงในวันนี้นั้น คณะกรรมการบริหารบีโอเจได้คงกองทุนซื้อสินทรัพย์วงเงิน 10 ล้านล้านเยน เพื่อพยุงเศรษฐกิจภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของญี่ปุ่นหดตัวลง 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และหดตัวลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันสองไตรมาส

จีดีพีไตรมาสแรกของญี่ปุ่นหดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวเพียง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และหดตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส

คิโยฮิโกะ นิชิมูระ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งเคยเสนอที่ประชุมเมื่อเดือนเม.ยให้เพิ่มเงินกองทุนซื้อสินทรัพย์เป็น 15 ล้านล้านเยน แต่คณะกรรมการบริหารคนอื่นๆของบีโอเจและนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ได้เสนอข้อเสนอใหม่ๆในการประชุมครั้งนี้

หลังจากที่เกิดภัยพิบัติขึ้นไป 2 เดือนแล้วนั้น บีโอเจได้ประชุมกันเพื่อหารือเรื่องสถานภาพทางเศรษฐกิจ และความจำเป็นในการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม และออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงที่สูงมาก โดยเฉพาะภาคการผลิต เนื่องจากผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว พร้อมกับระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่การส่งออกที่ฟื้นตัวและความต้องการภายในประเทศที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นจากการฟื้นฟูประเทศ ซึ่งอาจจะช่วยให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัวในระดับปานกลางตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2554 เนื่องจากภาวะตึงตัวด้านอุปทานคลี่คลายและการผลิตฟื้นตัว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภัยพิบัติจากธรรมชาตินั้นทำให้การผลิตและการส่งออกของญี่ปุ่นชะลอตัวลงอย่างมาก หลังจากที่อุปทานวัสดุภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศขัดข้อง และยังทำให้เกิดวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ซึ่งทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนไฟฟ้าและฉุดรั้งความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและภาคครัวเรือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ