นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จีนจะใช้กรอบนโยบายควบคุมความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาค เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การปฏิรูปด้านการเงินในช่วงหลังวิกฤติการเงินโลก
นายโจวกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลควรใช้ระบบการบริหารเพื่อรับมือกับวงจรเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ เช่น เงินทุนมูลภัณฑ์กันชนและกลไกในการเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะขาดทุนอย่างมีพลวัต
รัฐบาลควรจะนำกลไกในการกำกับดูแลมาใช้ในระดับมหภาค ทั้งในเรื่องการกำกับดูแลธนาคารเงาไปจนถึงระบบการบริหารเศรษฐกิจมหภาค เพื่อลดผลกระทบของการสนับสนุนวงจรที่มีต่อเศรษฐกิจ
-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ความเสี่ยงของเงินกู้ที่ให้กับสถาบันการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น ควรจะได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเงินกู้ดังกล่าวอยู่ในระดับสูงและมีระยะเวลานาน
สถาบันการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นของจีน มีจำนวนกว่า 10,000 แห่งภายในช่วงสิ้นปี 2553 เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงสิ้นปี 2551 โดยเกือบ 70% ของสถาบันการเงินดังกล่าวเป็นสถาบันการเงินระดับเขต
สัดส่วนของเงินกู้ที่ให้กับสถาบันการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นที่เป็นเงินกู้สกุลหยวนอยู่ต่ำกว่าระดับ 30% ในปี 2553
-- นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ยอดการปล่อยกู้ครั้งใหม่ของธนาคารในเดือนพ.ค.จะต่ำกว่าระดับ 7.39 แสนล้านหยวนในเดือน เม.ย. แต่มีการคาดการณ์ตั้งแต่ช่วง 4.50-7.39 แสนล้านหยวน
ศูนย์กลางวิจัยการเงินของแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ ประเมินว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารครั้งใหม่อาจจะร่วงลงมาอยู่ที่ 7 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี บริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์ปอเรชัน (CICC) คาดว่า ยอดดังกล่าวอาจจะลดลงมาอยู่ที่ 4.50 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ค. สำนักข่าวซินหัวรายงาน