ธปท.เตือนอย่าเร่งศก.โตเกินศักยภาพ4-5% หวั่นสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 3, 2011 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัมพร แสงมณี ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเสวนารื่องพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ ว่า อัตราเงินเฟ้อในประเทศจะมีการเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 3-4/54 หลังการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลงในปี 55

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและทรงตัวอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยที่ไม่น่ากังวล แต่หากเร่งการขยายตัวของเศรษฐกิจเกินศักยภาพที่ควรจะเป็นที่ 4-5% ก็จะทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อเร่งตัวมากขึ้น ดังนั้น การดำเนินนโยบายการเงินจะต้องมีความมั่นใจว่าจะทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อไม่สูงขึ้น

"หากเศรษฐกิจมีศักยภาพที่จะเติบโตตามโครงสร้างที่ 4-5% แต่การเร่งให้เศรษฐกิจโตถึง 8% โดยไม่ได้ทำให้เกิดเอง จะทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นสูง และหากเศรษฐกิจเร่งตัวโตต่อเนื่อง แต่ไม่เกิดการช็อค เงินเฟ้ออาจโตไม่มาก แต่หากโตแล้วเกิดการช็อค ราคาสินค้า ราคาน้ำมันสูงขึ้น จะทำให้เกิดการยั่งยืนของเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัญหา"นายอัมพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่ กนง.ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง เนื่องจากเงินเฟ้อยังเร่งตัวสูงขึ้น ขณะนี้ที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 3%แต่ยังถือว่าต่ำกว่าปกติ

นายปัญญา จรรยารุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุน ธนาคารเอชเอสบีซี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ภาพรวมทิศทางดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ธปท.ยังเห็นว่าเงินเฟ้อมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งล่าสุดที่ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.2% ดอกเบี้ยที่แท้จริงก็ยังติดลบอยู่

ทั้งนี้ มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรก ยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อทั้งจากปัจจัยภายนอก จากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ระหว่างเศรษฐกิจประเทศร่ำรวยกับเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ โดยการที่เศรษฐกิจประเทศร่ำรวยที่ประสบวิกฤติ และแก้ปัญหาโดยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินโลก และมีเม็ดเงินบางส่วนกระจายเข้าเอเซียและไทย ทำให้เงินเฟ้อขึ้นในระบบเศรษฐกิจพื้นฐานประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง และเมื่อมีเม็ดเงินอัดฉีดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการควบคุมเงินเฟ้อได้ยาก

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องอุปสงค์อุปทานของน้ำมัน จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในประเทศตะวันออกกลาง ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ประกอบกับเกิดแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่น ทำให้พลังงานนิวเคลียร์ชะลอลง และหันมาใช้น้ำมันแทน ทำให้ความต้องการน้ำมันมีเพิ่มขึ้น รวมไปถึงจีน และอินเดีย ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก มีความต้องการวัตถุดิบทั้งสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันเพิ่มขึ้น จึงส่งผลทำให้เกิดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อทำให้เกิดอำนาจซื้อในประเทศ จึงเป็นอีกปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม มองว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยยังไม่สูงมากเมื่อเทียบภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลยังกดไว้ด้วยการควบคุมราคาสินค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ