ตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการล่าสุดระบุว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลครั้งใหม่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอีกระลอก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 54,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าจำนวน 200,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้อัตราว่างงานลดลงในระยะยาว ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 9.1% จากระดับ 9% ในเดือนเม.ย.
ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยนายจ้างภาคเอกชนทั่วประเทศเพิ่มการจ้างงาน 83,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขจ้างงานในภาครัฐลดลง 29,000 ตำแหน่ง เนื่องจากมาตรการลดการใช้จ่าย
ขณะดียวกัน อุตสาหกรรมค้าปลีกได้ลดการจ้างงานลง 8,500 ตำแหน่ง และอุตสาหกรรมการผลิตลดการจ้างงานลง 5,000 ตำแหน่ง ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงทรงตัวในเดือนพ.ค. เนื่องจากราคาบ้านร่วงลงอย่างหนักทั่วประเทศ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก
เซบาสเตียน มอลลาบี เจ้าหน้าที่จากสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐกล่าวว่า การร่วงลงของราคาบ้านจะส่งผลกระทบต่อดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งจะทำให้ภาคครัวเรือนมีความรู้สึกยากจนลง และยังสร้างความเสียหายต่อการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนด้วย นอกจากนี้ ครัวเรือนจำนวนมากยังคงต้องจ่ายคืนหนี้นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น
มอลลาบีกล่าวว่า ผู้บริโภคสหรัฐมีความรู้สึกกังวลต่อราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น เพราะทำให้ผู้บริโภคต้องลดการใช้จ่ายลง ซึ่งทำให้ธุรกิจสันทนาการและบริการต้องลดการจ้างงงานลง หลังจากที่ธุรกิจประเภทนี้ขยายตัวแข็งแกร่งมาเป็นเวลา 4 เดือน
ในขณะที่เจ้าหน้านี้ด้านเศรษฐกิจของคณะทำงานโอบามายอมรับว่า อัตราว่างงานอยู่ในระดับที่ "สูงจนไม่สามารถยอมรับได้" นั้น ออสแตน กูลส์บี ประธานที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจสหรัฐกล่าวว่า แม้ภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงานกว่า 2.1 ล้านตำแหน่งในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา แต่ตัวเลขจ้างงานก็ควรจะขยายตัวรวดเร็วกว่านี้ เพื่อชดเชยตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัว
ทั้งนี้ จำนวนคนตกงานในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยนั้น มีอยู่มากกว่า 8.4 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่คณะทำงานของโอบามาก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดอัตราว่างงานลงสู่ระดับต่ำกว่า 8% ได้
ฮิลดา โซลิส รมว.แรงงานสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ของสหรัฐว่า แม้เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดี แต่รัฐบาลก็ต้องเพิ่มความพยายามในการสร้างตำแหน่งงานและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังมีอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนคนว่างงานที่ไม่มีงานทำติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 27 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 361,000 คน สู่ระดับ 6.2 ล้านคนในเดือนพ.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 45.1% ของจำนวนคนว่างงานทั้งหมด และใกล้เคียงกับสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45.6% เมื่อปีที่แล้ว
บทวิเคราะห์โดย เจียง ซูเฟิง จากสำนักข่าวซินหัว