ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.2% ในปี 2554 ก่อนที่จะขยายตัวเร็วขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในปี 2555 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2554 ไปจนถึงปี 2555 แม้อัตราการขยายตัวโดยรวมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากอุปสรรคและความไม่แน่นอนในด้านต่างๆ
จัสติน ยีฟู ลิน หัวหน้านักวิเคราะห์และรองประธานฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจของธนาคารโลก กล่าวในรายงาน "Global Economic Prospects" ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2554 จะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ราว 0.1% เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและอาหารจะขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจและสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศยากจน
ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดว่า การขยายตัวของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.3% ในปี 2554 จนถึงปี 2556 จากระดับ 7.3% ของปี 2553 และคาดว่าการขยายตัวของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ จากระดับของปี 2553 ที่ 2.7% ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.7% และ 2.6% ในปี 2555 และ 2556 ตามลำดับ
ธนาคารโลกระบุว่า สถานการณ์ต่างๆที่อยู่เหนือการคาดหมาย รวมถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิและภัยพิบัตbทางธรรมชาติที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ในช่วงต้นปีนี้นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในกรอบที่จำกัด
"ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นและความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้นั้น ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่คาดว่าผลกระทบดังกล่าวที่ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆนั้น อยู่แค่ระดับปานกลางเท่านั้น" ธนาคารโลกกล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารโลกชี้ว่า แนวโน้มที่ซบเซาของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในยุโรป ยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่างๆ รวมถึงอัตราว่างงานที่สูงมาก และสถานะด้านการเงินทั้งในภาคครัวเรือนและภาคการธนาคาร รวมทั้งสถานะด้านการคลังของรัฐบาล
ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐลงสู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 2.8% สำนักข่าวซินหัวรายงาน