พลังงานเผยภาพรวมการใช้น้ำมันพ.ค.ลดลงจากเม.ย. เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 15, 2011 12:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า การใช้น้ำมันในภาพรวมเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจากเดือนเมษายน 2554 โดยการใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินปรับตัวลดลง 3% จาก 20.6 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 20.0 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากสถานการณ์การใช้รถยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับย่างเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การเดินทางลดลง

ส่วนการใช้น้ำมันในกลุ่มดีเซลหมุนเร็วอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ที่ 55.3 ล้านลิตร/วัน สำหรับ LPG มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 544,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน ลดลง 2% โดยลดลงในส่วนของครัวเรือนและปิโตรเคมี แต่การใช้ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก LPG มีราคาถูกกว่าน้ำมัน เช่นเดียวกับ NGV มีการใช้เพิ่มขึ้น 10% จาก 6.0 ล้านกิโลกรัม/วัน มาอยู่ที่ 6.6 ล้านกิโลกรัม/วัน โดย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมมีรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ NGV ทั้งหมด 259,560 คัน

การใช้กลุ่มน้ำมันเบนซินแบ่งเป็นการใช้น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 รวมอยู่ที่ 7.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2.8% และการใช้แก๊สโซฮอล์รวมอยู่ที่ 12.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 3.2% โดยการใช้ลดลงทุกชนิด ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี85 ที่เพิ่มจาก 0.017 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.023 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายทางด้านราคา โดยราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ อี 10 และ อี 20 ประมาณ 12-15 บาท/ลิตร

ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เป็นการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี 3) 54.6 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาคอุตสาหกรรม มีการผลิตสินค้ามากขึ้นหลังจากหยุดดำเนินการในช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประกอบกับปีนี้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ในเดือนพฤษภาคมยังคงมีการหีบอ้อยและมีการใช้รถบรรทุกเพื่อขนส่งสินค้าดังกล่าว นอกจากนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้ดีเซลส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ระดับ 29.99 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปัจุจบันมีรถยนต์ดีเซลที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกมากกว่า 7 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากป 2553 3% และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 เพิ่มขึ้นเกือบ 10%

ในเดือนพฤษภาคมนี้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่จำหน่ายจะมีเพียงเกรดเดียว คือผสม บี 100 อยู่ที่ 3% และอาจมีการพิจารณาปรับสัดส่วนการผสม บี 100 เพิ่มขึ้นเป็น 4%-5% ตามความเหมาะสม โดยการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดเดียวจะทำให้สถานีบริการมีหัวจ่ายน้ำมันเหลือ สามารถนำไปปรับขายแก๊สโซฮอล์ โดยเฉพาะ อี 20 และ อี 85 ได้ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเติมน้ำมันและอาจเปลี่ยนมาใช้น้ำมันชนิดดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล

สำหรับการใช้ LPG ในเดือนพฤษภาคม 2554 อยู่ที่ 544,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน ลดลง 2% โดยเป็นผลมาจากการใช้ในภาคปิโตรเคมี 182,000 ตัน/เดือน หรือ 5,900 ตัน/วัน ลดลง 10% และภาคครัวเรือน 218,000 ตัน/เดือน หรือ 7,000 ตัน/วัน ลดลง 1% ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม 68,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 9% และภาคขนส่ง 76,000 ตัน/เดือน หรือ 2,500 ตัน /วัน เพิ่มขึ้น 5% โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีรถยนต์ที่สามารถใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 50,000 คัน ทำให้ปัจจุบันในประเทศมีรถยนต์ LPG มากกว่า 700,000 คัน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมมีการนำเข้า LPG 116,000 ตัน โดยกองทุนจ่ายชดเชยประมาณ 2,500 ล้านบาท

ทางด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปริมาณรวมทั้งหมด 944,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3% ในขณะที่มูลค่านำเข้ารวมอยู่ที่ 103,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 898,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 99,600 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 45,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 3,800 ล้านบาท ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 185,000 บาร์เรล/วัน เป็นมูลค่าส่งออก 21,000 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งออกลดลง 5% แต่มูลค่าเพิ่มขึ น 0.6%

เมื่อเปรียบเทียบการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 กับช่วงเดียวกันของปี 2553 พบว่า การใช้น้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 2% จาก 20.0 ล้านลิตร/วัน เป็น 20.4 ล้านลิตร/วัน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เพิ่มขึ้น 3% จาก 52.6 ล้านลิตร/วัน เป็น 54.3 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่การใช้ NGV จาก 4.6 ล้านกิโลกรัม/วัน เป็น 6.2 ล้านกิโลกรัม/วัน เพิ่มขึ้น 35% ทั้งนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและรัฐบาลยังคงตรึงราคา NGV อยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ทำใ ห้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ NGV เพิ่มขึ้น

ส่วนการใช้ LPG รวมอยู่ที่ 532,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 24% ทั้งนี้เป็นการใช้ในภาคปิโตรเคมี 184,000 ตัน/เดือน หรือ 6,100 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 56% การใช้ในภาคขนส่ง 69,000 ตัน/เดือน หรือ 2,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 27% ภาคครัวเรือน 214,000 ตัน/เดือน หรือ 7,100 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 10% และภาคอุตสาหกรรม 65,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 5%

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ที่ 856,000 บาร์เรล/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.4% ในขณะที่มูลค่านำเข้า 422,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% ทั้งนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 810,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 403,000 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 46,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยปริมาณนำเข้าที่ลดลงเป็นผลจากปริมาณนำเข้า LPG ลดลง 22% อยู่ที่ 102,000 ตัน/เดือน มู ลค่า 15,000 ล้านบาท ลดลง 10% เนื่องจากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ของปตท.เดินเครื่องเต็มที่ และโรงกลั่นได้นำ LPG ออกมาจำหน่ายเพิ่มมากประมาณ 40,000 ตัน/เดือน ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 153,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 8% มูลค่า 79,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%

นายวีระพล ยังกล่าวถึงราคาน้ำมันดิบว่า EIA (U.S. Energy Information Administration) ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ที่ระดับ 104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ Goldman Sachs ได้ปรับราคาคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2554 จาก 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ Morgan Stanley ปรับจาก 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จึงอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายของตนเ องและลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่โรงกลั่นบางแห่งจะมีการปิดปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อรองรับน้ำมันยูโร 4 ตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงานซึ่งกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้ เพื่อลดมลพิษที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียของยานพาหนะซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ