สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 32.90 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,520.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,515.00-1,549.60 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.737 ดอลลาร์ ปิดที่ 35.002 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.9 เซนต์ ปิดที่ 4.039 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 57.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,694.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 27.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 743.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า ก่อนหน้านี้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและมักเข้ามาทุ่มซื้อทองคำเมื่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนเริ่มลดการถือครองทองคำลงในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ประชุมเฟดได้แสดงความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3%
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเข้าสู่ตลาด