สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) นอกภาคการผลิต ลดลงสู่ระดับ 57% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 61.9% ของเดือนพ.ค.
-- สำนักปริวรรตเงินตราของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า SAFE จะดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานและการบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงด้านการเงิน
นอกจากนี้ SAFE จะส่งเสริมการปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยน เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าและการลงทุน
-- นักเศรษฐศาสตร์จีนคาดว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แต่ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงนั้น มีอยู่น้อยมาก
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายเผิง เหวินเซิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) ว่า แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้เริ่มชะลอตัว แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่า จีนควรใช้นโยบายการเงินคุมเข้มต่อไปในระยะสั้น
แบงก์ ออฟ ไชน่าระบุว่า การที่สัดส่วนกันสำรองเงินฝากของสถาบันการเงินรายใหญ่อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.5% ในปัจจุบันนั้น ทำให้มีความเป็นไปได้น้อยมากว่าธนาคารกลางจีนจะปรับเพิ่มสัดส่วนกันสำรองเงินฝากอีก
-- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีนอาจจะขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิ.ย. อันเนื่องมาจากราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่คาดว่าระดับราคาจะปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ปัจจุบัน การจัดการเรื่องการคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงเป็นภารกิจหลักสำหรับการควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของจีน
รายงานของสำนักงานวิจัยฯคาดว่า ยอดค้าปลีกของจีนจะขยายตัว 17.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในปี 2554 และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจะขยายตัว 24.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ คาดว่าการขยายตัวด้านการส่งออกจะอยู่ที่ 22.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในปี 2554 และการขยายตัวของยอดนำเข้าจะอยู่ที่ 29.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจะทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้ามูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้