แบงค์ ออฟ ไชน่า (ฮ่องกง) หรือ BOCHK คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีน อาจจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากภาวะฟองสบู่ของทรัพย์สิน ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปอาจจะลดลงเนื่องจากราคาอาหารมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
รายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจประจำเดือนฉบับล่าสุดของ BOCHK ระบุว่า ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเนื้อหมู อาหารทะเล และอาหารนำเข้าที่สำคัญ มีสัดส่วน 2 ใน 3 ของแรงกดดันจากเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีแรกของจีน
เนื่องจากได้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมเป็นประจำในปีนี้ ราคาผลิตภัณฑ์ประมง ซึ่งมีอุปทานลดลง ได้พุ่งขึ้นอย่างมากในปีนี้
นอกจากนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าบริการที่พุ่งขึ้นยังส่งผลให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อตึงตัวมากขึ้น โดย BOCHK ระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้นมีสัดส่วน 18% ของซีพีไอที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ในขณะที่การบริการมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 20% ของซีพีไอที่เพิ่มขึ้น
"มีการคาดการณ์อย่างกว้างขวางถึงเสถียรภาพของราคาเนื้อหมู เนื่องจากราคาที่เพิ่มขึ้นหนุนให้อัตราส่วนราคาเนื้อหมูต่อธัญพืชสูงกว่าจุดคุ้มทุน" รายงานดังกล่าวระบุ พร้อมคาดการณ์ว่าธัญพืชจะเข้าสู่ระดับปกติเพราะ "ธัญพืชที่เพาะปลูกในช่วงฤดูร้อนปีนี้มีผลผลิตที่ดี"
"ดังนั้น เงินเฟ้อจากราคาอาหารในครึ่งหลังปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะชะลอตัวลง และจะลดลงอย่างต่อเนื่องในปีถัดไป ผลักดันให้ซีพีไอปรับตัวลดลง" รายงานระบุ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานและต้นทุนของครัวเรือนที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง บวกกับการแข็งค่าของเงินสกุลหยวน BOCHK คาดว่า จีนอาจต้องเผชิญกับความกดดันจากเงินเฟ้อในระยะยาวในระดับหนึ่ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน