กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐเปิดเผยแนวความคิดที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดในการยื่นขอวีซ่า เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนเปิดบริษัทในสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายโอกาสการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหามากมายอยู่ในขณะนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางเจเนต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และ นายอเลจันโดร มายอร์กัส ผู้อำนวยการสำนักบริการพลเมืองและผู้อพยพสหรัฐ (ยูเอสซีเอสไอ) เป็นผู้เสนอแนวความคิดให้กระบวนการยื่นคำร้องขอวีซ่าดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติผ่านการอนุมัติวีซ่าถาวร หรือ กรีนการ์ด ได้ง่ายขึ้น
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกล่าวในแถลงการณ์ว่า แผนการผ่อนปรนกฎเหล็กการขอวีซ่าในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและการลงทุนด้วยการดึงดูดผู้ประกอบการชาวต่างชาติฝีมือดีและมีความสามารถโดดเด่น หรือผู้ที่มีศักยภาพที่จะเพิ่มการสร้างงาน ให้เข้ามาลงทุนเปิดบริษัท หรือลงทุนในภาคส่วนที่ปัจจุบันเผชิญวิกฤตการว่างงานได้
ขณะที่นาโปลิตาโนกล่าวว่า "สหรัฐอเมริกาจะต้องเดินหน้าดึงดูดยอดนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลกที่มีสามารถ ทักษะ และความคิดริเริ่ม ให้เข้ามาลงทุนในประเทศของเรา และสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน การผ่อนปรนข้อจำกัดการขอวีซ่าซึ่งมีแถลงการณ์ในวันนี้จะช่วยให้ประเทศชาติของเราใช้กฎหมายผู้อพยพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ"
การออกมาตรการเหล่านี้ยังเป็นการฉลองครบรอบ 6 เดือนของการใช้นโยบาย "Startup America" เพื่อลดขีดจำกัดและเพิ่มโอกาสเติบโตให้กับผู้ประกอบการที่มีส่วนในการเพิ่มการว่าจ้างแรงงาน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สภาการจ้างงานและการแข่งขันให้ความสำคัญอีกด้วย สำหรับสภาการจ้างงานและการแข่งขันนี้ได้เสนอแนวทางต่างๆ เพื่อช่วยให้สหรัฐอเมริกาสามารถสร้างสรรนวัตกรรมและแข่งขันได้เหนือนานาประเทศในเวทีเศรษฐกิจโลก
ขณะนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาฟื้นตัวช้าและเผชิญการขาดดุลงบประมาณซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ ขณะที่อัตราการว่างงานสูงกว่า 9%
ที่ผ่านมานั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการสร้างงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลายต่อหลายครั้ง เพราะเกรงว่าวิกฤตเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสของเขาในการลงสมัครรับเลือตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2555