สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นอื่นๆ ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้ดี ซึ่งการร่วงลงของตลาดหุ้นเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ และวิกฤตหนี้อาจจะลุกลามไปทั่วยุโรป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,659 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,642.20-1,684.90 ดอลาร์
สัญญาโลหะเงินปิดที่ 39.431 ดอลลาร์ ร่วงลง 2.327 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 9.05 เซนต์ ปิดที่ 4.2355 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,729.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 55.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 1752.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 42.15 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวทำให้นักลงทุนจำนวนมากต้องการถือเงินสดไว้
สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ภายหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดพันธบัตรด้วย
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำสามารถทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวันที่ 1,684.9 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตัดสินใจใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ