นายโจว หวังจุน รองผู้อำนวยการแผนกราคาของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในขณะนี้ยังอยู่ภายในช่วงระดับที่ไม่สูงนักและสามารถควบคุมได้ หลังจากที่มาตรการสกัดเงินเฟ้อได้ส่งผลเบื้องต้นบ้างแล้ว นายโจวย้ำว่า วงจรเงินเฟ้อในขณะนี้กำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยน หลังจากที่พุ่งขึ้น 25 เดือน และการพุ่งขึ้นของราคามีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายโจวได้แสดงความเห็นนี้ขึ้นหลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยเมื่อเช้านี้ว่า เงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือนที่ 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค. จากปัจจัยหนุนด้านการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร 14.8%
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของจีนขยายตัว 17.2% แตะ 1.44 ล้านล้านหยวน (2.22 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนก.ค.จากปีก่อนหน้านี้
ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ขยายตัว 1.26% จากเดือนมิ.ย. และตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ค.ยอดค้าปลีกของประเทศเพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 10.02 ล้านล้านหยวน NBS ระบุ
ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา การลงทุนในสินทรัพย์คงที่เพิ่มขึ้น 0.27% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ลดลง 1.04% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนมิ.ย.
-- ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนสูงในตลาดโลกนั้น นโยบายการเงินของจีนจะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการที่สมดุลอย่างระมัดระวังสักระยะหนึ่ง และธนาคารกลางจะยังไม่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้น นักวิเคราะห์ที่ร่วมการสำรวจของสำนักงานข่าวซินหัวกล่าว
นักเศรษฐศาสตร์บางรายที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวกล่าวว่า จุดสูงสุดของเงินเฟ้อรอบนี้อาจจะยังไม่ปรากฎขึ้น
-- กลุ่มผู้ส่งออกของจีนอาจเห็นถึงการขยายตัวด้านการส่งออกที่ชะลอตัว เพราะมีแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการแข็งค่าของเงินหยวน และอุปสงค์ที่ลดลงจากตลาดสหรัฐ
ในระยะสั้นนั้น คาดว่าการลดอันดับเครดิตสหรัฐจะนำไปสู่การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เงินหยวนจะยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของจีน
ในระยะยาว การลดอันดับความน่าเชื่อถืออาจฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและนำไปสู่ภาวะอุปสงค์ชะลอตัวสำหรับการนำเข้าสินค้าจากตลาดสหรัฐ