สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าฝรั่งเศสอาจจะเป็นประเทศถัดไปที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 41.3 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.444 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 39.327 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 8.15 เซนต์ ปิดที่ 3.8885 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 726.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน.ค.เพิ่มขึ้น 15.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,771.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า นักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตาดูภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ไร้เสถียรภาพในสหรัฐและยุโรป โดยในขณะนี้มีกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า ฝรั่งเศสอาจจะเป็นประเทศถัดไปที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หลังจากต้นทุนรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
นับตั้งแต่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA สัญญาทองคำก็ทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการในสัปดาห์นี้ หรือพุ่งขึ้นโดยรวม 8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในระยะ 3 วันที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551
เทรดเดอร์กล่าวว่า ปัญหาต่างๆโดยรวมในสหรัฐยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าสิ้นสุด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในระยะเวลา 12 เดือนนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเทขายทองคำเพื่อถือเงินสด โดยกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ลดการถือครองทองคำลงเหลือ 1,297 ตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากระดับของวันจันทร์ที่ 1,310 ตัน