TMB เผยราคาทองคำพุ่งสูงสุดในรอบ 20 ปี เตือน นลท.ระวังภาวะฟองสบู่ทองคำ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 29, 2011 18:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB หรือ TMB Analytics มองว่า ราคาทองคำขาขึ้นในขณะนี้มีปัจจัยพื้นฐานหนุนต่างจากฟองสบู่ทองคำปี 1980 โดยราคาทองคำช่วงปี 1970-1980 เพิ่มขึ้นเร็วและแรง โดยมีราคาสูงสุดในปี 1980 มากกว่าราคาในปี 1970 ประมาณ 16 เท่า ขณะที่ช่วงปี 1999-ปัจจุบัน ราคาทองคำเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องค่อยเป็นค่อยไปกว่า โดยที่ผ่านมา 11 ปีเพิ่มขึ้นเพียง 6.3 เท่า

ด้วยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน วิกฤตเศรษฐกิจหลักในช่วงทศวรรษ 70 ต่างกับปัจจุบันค่อนข้างมาก โดยช่วง 1970-1980 เกิดปัญหาด้านอุปทาน (Supply shock) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังปี 1980 ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจก็ผ่อนคลายลงได้ ขณะที่ปัจจุบัน ปัญหาเศรษฐกิจเกิดมาจากปัจจัยภายในของระบบเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างสหรัฐและกลุ่มยุโรป ซึ่งทางออกคงไม่ง่ายเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน

ส่งผลให้ราคาทองคำเริ่มไม่ปรับตัวตามราคาน้ำมันเสมอไป เช่น ในช่วงปี 2009 ที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงแต่ราคาทองคำกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ต่างกับทศวรรษที่ 70 ที่ราคาน้ำมันมีผลต่อราคาทองคำอย่างชัดเจน

ศูนย์วิเคราะห์ TMB ระบุ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงขัดกับความรู้สึกที่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีวัฏจักรและทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมองว่าราคาทองคำน่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

สำหรับราคาทองคำเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ระวังภาวะฟองสบู่แตก นับจากปี 2000 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเดือนเฉลี่ยร้อยละ 1.4 (mom) แต่เฉพาะเดือนสิงหาคม 2011 ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 15.8 ถือว่าสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

ประกอบกับนักเก็งกำไรมีมากขึ้นทำให้ความอ่อนไหวต่อราคาสูงขึ้น นักเก็งกำไรส่วนมากมักถือทองคำในระยะสั้นและมีความอดทนต่อการขาดทุนต่ำ ดังนั้นหากราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยก็อาจทำให้แห่กันเทขายกดดันราคาทองคำให้กลายเป็นขาลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง ทำให้ทางเลือกในการลงทุนมีไม่มากนัก ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปทำให้ พันธบัตรสหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง พันธบัตรญี่ปุ่นก็ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำติดดิน หรือตลาดทุนในตลาดเกิดใหม่ก็มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ดังนั้นทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อีกทั้งสภาพคล่องมหาศาลจากมาตรการ QE3 ที่อาจประกาศใช้ในปี 2555 จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งแนวโน้มการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกแทนการถือพันธบัตรสหรัฐก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นได้อีก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB กล่าวว่า มูลค่าที่แท้จริงของทองคำในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 1980 ประมาณร้อยละ 17.4 เพราะฉะนั้นความเสี่ยงของการหักหัวลงอย่างรุนแรงจึงยังไม่สูงเท่าคำนวนจากราคาทองคำปรับด้วยเงินเฟ้อจะพบว่าถ้าปรับด้วยราคาฐานปัจจุบันแล้ว ราคาทองคำที่จุดสูงสุดในปี 1980 จะเท่ากับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แปลว่าปัจจุบันทองคำยังไม่สามารถทำมูลค่าสูงสุดได้เหมือนอย่างปี 1980

สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำช่วงใกล้ฟองสบู่แตกในปี 1980 ถึงแม้จะถือไว้นานกว่า 30 ปีมาจนถึงปัจจุบันแล้วก็ตาม ผลตอบแทนจากทองคำของนักลงทุนที่เล่นกับฟองสบู่ก็ยังคงขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงอยู่ดี ด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ต่างไปจากปี 1980 ทำให้ทองคำอาจจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้เกิดฟองสบู่แตก

แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรระลึกถึงความเสี่ยงและผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้ไม่ต้องถือทองคำไว้กว่า 30 ปีโดยที่ยังขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงเหมือนอย่างฟองสบู่ทองคำครั้งที่ผ่านมา


แท็ก ราคาทองคำ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ