คปภ.ยันธุรกิจประกันภัยเงินกองทุนแข็งแกร่ง เบี้ยรับรวม ส.ค.โต 16.51%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 20, 2011 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการดำเนินภาพรวมระบบประกันภัย ปี 54 มีการเติบโตสวนทางกับกระแสเศรษฐกิจโลกและมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 53 มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP อยู่ที่ 4.17% คาดการณ์ว่าสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP เมื่อสิ้นปี 54 จะอยู่ที่ 4.67% เป็นผลมาจากการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน คปภ. และธุรกิจประกันภัยตามแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2553 — 2557)

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ส.ค.54 ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 39,587 ล้านบาท ขยายตัว 16.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยธุรกิจประกันชีวิตขยายตัว 15.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 27,780 ล้านบาท จากการประกันภัยประเภทสามัญที่ขยายตัว 18.96% เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 23,641 ล้านบาท และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ขยายตัว 13.93% เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 441 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัย 17.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน 11,807 ล้านบาท จากการประกันสุขภาพที่ขยายตัวสูงถึง 37.25% เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 356 ล้านบาท การประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สินขยายตัว 28.42% เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 1,107 ล้านบาท และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลขยายตัว 20.95% เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 1,283 ล้านบาท

ในขณะที่การประกันภัยรถมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 61.03% ของเบี้ยประกันภัยรวม เป็นเบี้ยประกันภัยจำนวน 7,205 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.17% สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่กลับมาขยายตัว 26.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่งผลให้ยอดรวม 8 เดือนของปี 54 (มกราคม-สิงหาคม) ธุรกิจประกันภัยขยายตัว 13.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 300,008 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจประกันชีวิต 208,551 ล้านบาท ขยายตัว 12.95% ธุรกิจประกันวินาศภัย 91,457 ล้านบาท ขยายตัว 15.30%

เลขาธิการ คปภ.กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลว่าการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของของบริษัทประกันภัย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าบริษัทประกันภัยจะสามารถบริหารจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยได้อย่างแน่นอน เนื่องจากภัยส่วนหนึ่งได้มีการเอาประกันภัยต่อ(Reinsurance) ทั้งในและต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงบริษัทประกันภัยได้มีการตั้งสำรองประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย

โดยทั้งธุรกิจประกันภัยมีเงินสำรองประกันภัยจำนวน 1,148,682 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงมีระดับเงินกองทุนที่มั่นคงเพื่อรองรับความผันผวนของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นไว้อีกด้วย โดยเงินกองทุนของธุรกิจประกันภัย ณ วันที่ 31 ส.ค.54 มีจำนวนทั้งสิ้น 265,431 ล้านบาท ขยายตัว 19.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 12.73% จากสิ้นปี 53 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับ 846.17%

แบ่งเป็น เงินกองทุนของธุรกิจประกันชีวิต 191,148 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.82% และขยายตัว 7.76%จากสิ้นปี 53 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับ 892.69% เป็นเงินกองทุนของธุรกิจประกันวินาศภัย 74,283 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.50% และขยายตัว 9.98% จากสิ้นปี 53 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธุรกิจต้องดำรงตามกฎหมายเท่ากับ 746.12% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แสดงให้เห็นว่าธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนที่เข้มแข็งและเพียงพอในการรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ